โรจา หัวหน้าทีมนักชำแหละ สังกัดทีมรอง หน่วย 5 กิลด์ [เขี้ยวประกายแสง]
"การเจรจาแบบผู้แพ้ขอยอมจำนนจะเกิดขึ้น เมื่อฝ่ายแพ้มีสิ่งที่ฝ่ายชนะต้องการ และฝ่ายชนะไม่อยากเสียเวลาหรือสูญเสียไปมากกว่านี้ เลยยอมรับข้อเสนอเพื่อจบข้อพิพาท"
"ใช่แล้วค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วยที่เอาของมีค่าของท่านมา ฉันจะส่งสิ่งนั้นคืนให้พร้อมกับเงินค่าเสียเวลาให้ท่านและจะยอมกราบขอขมาด้วยค่ะ"
"แต่การเจรจาจะไม่เกิดขึ้น ถ้าฝ่ายแพ้ไม่รู้ว่าฝ่ายชนะต้องการอะไร"
"ถ้าท่านช่วยกรุณาบอกให้คนโง่คนนี้ได้รับทราบจะเป็นพระคุณมากเลยค่ะ"
"เธอรู้จักคำว่าตัวประกันไหม"
พีโวด้าทำหน้างงเมื่อผมถามคำถามนี้ออกไป
"เอ่อ... รู้จักค่ะ???"
"ถ้าของสิ่งนั้นสำคัญกับผู้ชนะ ผู้แพ้จะทำยังไงกับมันเมื่อจนตรอกแบบนี้"
"...!?"
แล้วพีโวด้าก็รู้ความหมายที่ผมสื่อ
"อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้นฉันจะสั่งให้ทำลายมันทิ้ง!"
"หวังว่าจะทำลายทันก่อนโดนพวกผมฆ่านะ"
"สารเลวเอ๊ย!"
ถ้าเป็นสิ่งของก็อาจยอมเจรจาอยู่หรอก แต่สิ่งที่ผมอยากได้คือตัวคน
ถ้ามันรู้แล้วเอามาขู่เดี๋ยวเรื่องจะยุ่งอีก เลยต้องทำให้มันคิดไปเองว่าสิ่งที่ผมอยากได้คือสิ่งของ
ตามจริงจะปล่อยให้ตายไปแล้วเลาะออกมาทีหลังได้ก็เถอะ
แต่ถ้าเลือกได้ ผมขอเลือกเลาะแบบสดๆ ดีกว่า
ระหว่างแล่ซากศพเย็นชืดกับสิ่งมีชีวิตเป็นๆ ที่เลือดยังไหลเวียนอยู่ อย่างหลังจะได้วัตถุดิบที่ดีกว่า
คงเพราะผมเป็นคนประณีตกับงานแล่มาก... ล่ะมั้ง
พีโวด้าที่จนตรอกสุดๆ งอกเล็บยาวเท่านิ้วชี้เตรียมพร้อมสู้
"ลุยเลย! ยังไงพวกมันก็ไม่ไว้ชีวิต!"
"ไว้สิ ถ้าหัวหน้าพวกแกตายเมื่อไหร่ ผมจะปล่อยทุกคนออกทันที เพราะสิ่งที่ผมอยากได้อีกอย่างคือชีวิตของนังนี่แหละ"
พวกลูกน้องของพีโวด้าที่กำลังฮึกเหิมถูกผมปั่นหัวจนลังเลไม่กล้ายกอาวุธของตัวเองขึ้น
"โง่หรือไง! มันปั่นหัวพวกแกเล่นอยู่! มันก็พูดอยู่ว่าเป็นสิ่งของ!"
"ใช่ สิ่งของผมก็ต้องการ แต่ตัวการที่ขโมยมันมาผมก็อยากเอาคืน"
"หุบปากนะ! ไอตอแหล! มันคิดจะให้พวกเราฆ่ากันเอง!"
แต่ก็ไม่มีลูกน้องคนไหนขยับ
"พวกแกจะทรยศฉันเหรอวะ! ฉันที่อุตส่าห์มีเมตตารับพวกแกมาทำงาน! สำนึกซะบ้าง! ถ้าไม่ได้ฉันช่วย พวกแกได้นอนตายข้างถนนเหมือนกับขยะไปนานแล้ว!"
"ก็มีเหตุผล แต่พวกนายยังอยากรอดอยู่ใช่มั้ยล่ะ"
"วิธีรอดก็คือฝ่ามันออกไปไง! ไม่ต้องไปฟังมันแล้ว!"
"ก็แค่ฆ่าพีโวด้า แล้วจะเอาสมบัติชิ้นไหนก็เอาไป ผมแค่จะเอาสมบัติของผมกลับไปชิ้นเดียวเท่านั้น"
"มันโกหก! มันคิดจะฆ่าพวกแกหลังจากฉันตายต่างหาก!"
"ไม่เชื่อก็ลองถามบุยสิว่าจริงมั้ย"
"จริงครับ"
บุยเดินออกมาทำหน้าตาไม่พอใจ คงเพราะผมพูดว่าจะแบ่งสมบัติให้ทุกคนที่ฆ่าพีโวด้า
"ไอสารเลวบุย! แกกล้าทรยศฉันเหรอวะ!"
"ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะช่วยใช้เงินให้ ส่วนพวกแกก็ตายๆ กันไปซะ ส่วนแบ่งข้าจะได้น้อยลง"
บุยมันไม่ได้ฉลาดพูดเพื่อช่วยสนับสนุนผมหรอก แต่เพราะผมส่งสัญญาณให้คนในทีมเข้าไปบอกมันให้พูดประโยคนี้
"รีบจัดการซะ ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ"
"แม่งเอ๊ยยยยย!"
พีโวด้าจึงถูกลูกน้องรุมโจมตี
"พวกแกจะเอายังงี้ใช่มั้ย!"
ลูกน้องสามคนที่ใกล้ตัวเธอที่สุดฟันดาบเข้าใส่พร้อมกัน แต่พีโวด้าพลิ้วกว่า
เธอหลบการโจมตีพร้อมกับแทงเล็บใส่ลำคอแล้วกระชากออกจนเป็นแผลเหวอะเลือดไหลทะลักออกมา
"อ๊ากกก!"
"เหวอออ!"
"หะ หัวหน้าเก่งขนาดนี้เลยเหรอวะ!"
อีกสองคนที่มัวแต่ตกตะลึงก็โดนเล็บเธอเสียบ คนนึงยกดาบขึ้นจึงโดนที่ท้อง อีกคนยืนนิ่งจึงโดนเข้าที่หัวใจ
พอพีโวด้ากระชากมือออกเลือดสีแดงสดก็ทะลักออกมา
คนที่โดนเล็บแทงเข้าที่หัวใจ ตายในไม่กี่วินาทีต่อมา
ส่วนอีกคนที่โดนแทงตรงช่วงท้อง ล้มลงไปนอนกรีดร้องดิ้นทุรนทุรายเอามือกุมบาดแผล พีโวด้าก้มลงไปแทงเล็บซ้ำที่คอแล้วดึงออกมา
แผลที่คอกลับเป็นแผลเล็กเท่าขนาดเล็บที่แทงลงไป ไม่เหวอะเหมือนกับที่แผลที่แทงไว้ก่อนหน้า แต่แค่นั้นก็ดับลมหายใจเพราะหลอดเลือดที่คอขาดจนเสียเลือดมากเกินไป
ผมจึงรู้ทันทีว่าเธอมีสกิล คงเป็นสกิลประเภทโจมตีรุนแรงหรือทำให้แผลฉีกขาด
เป็นประเภทที่ผมไม่ชอบเลย เพราะสกิลพวกนี้ชอบทำให้ร่างชำแหละเสียหาย
ยังไงก็กันไว้ก่อนละกัน ผมพยักหน้าให้นักธนูลอบโจมตีเมื่อมีโอกาส
กับลูกน้อง พีโวด้าหลบได้ทุกการโจมตี แม้จะเล่นทีเผลอก็ไม่เฉียดตัวเธอเลยแม้แต่น้อย
แต่คนที่โดนพีโวด้าแทงเล็บใส่มักจะตายในการโจมตีเดียวเสมอ
แค่โดนเล็บกวาดใส่ถากๆ ยังเป็นบาดแผลฉกรรจ์ได้ง่ายๆ
มีพวกที่เริ่มไม่อยากสู้กับพีโวด้า แต่ไม่นานมันก็คิดได้
ถ้าให้เลือกรุมพีโวด้าคนเดียวกับสู้กับเราทั้งทีม มันก็ต้องเลือกเสี่ยงสู้กับพีโวด้า
และเพราะพีโวด้าไม่อยากบาดเจ็บเพราะต้องสู้กับเราต่อ เธอจึงหลบสุดชีวิตจนพละกำลังเริ่มน้อยลง
ความคล่องตัวเริ่มตก เหงื่อออกจนเช็ดตาบ่อยๆ และเริ่มหายใจหอบ
และจังหวะที่เธอหลบดาบ ลูกธนูของฝั่งเราก็ยิงใส่จุดที่คาดว่าเธอจะหลบจนปักเข้ากลางหลัง
"โอ๊ย!"
พอรู้ว่าเราเป็นฝ่ายลอบยิง
"ไอ้พวกลอบกัดสารเลว!"
พีโวด้าจึงรู้สึกกดดัน จะหันไปสู้กับลูกน้องก็ต้องระวังหลัง จะหันมาระวังเราก็โดนลูกน้อง
เธอเริ่มโจมตีพลาดและเริ่มหลบไม่ค่อยพ้น
ลูกน้องของเธอสร้างบาดแผลให้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ มีกระทั่งโดนธนูของลูกน้องยิงใส่ต้นขากับโดนฟันเข้ากลางหลัง
"ถ้าฉันไม่รอด! พวกแกก็ต้องตายอยู่ที่นี่!"
พีโวด้าตะคอกแล้วพุ่งใส่ลูกน้องอย่างบ้าคลั่ง
แต่ก่อนจะถึงตัวพวกลูกน้องอีกสองก้าว พีโวด้าก็เปลี่ยนทิศเหยียบกำแพงพุ่งสลับไปมาแล้วกระโดดข้ามหัวแทงค์เข้ามา
พีโวด้าง้างกรงเล็บเพื่อโจมตีสุดแรงใส่ผม
"จะเอาให้หน้าเละจนเพื่อนแกไม่ได้เลยไอสารเลว!"
ปึง!
"อั่ก!"
พีโวด้ากระแทกเข้ากับกำแพงลมของนักเวทที่ร่ายดักไว้ จนกระเด็นกลับไปฝั่งเดิม
แถมดันเอาหลังลง ลูกธนูที่ปักอยู่จึงแทงทะลุท้องออกมา
"อ่อก! อ๊าาาาาาาา! เจ็บโว้ยยยยยย!"
ลูกน้องที่ยังรอดฉวยโอกาสเข้ามาล้อมเธอแล้วเงื้ออาวุธขึ้น
"ยะ อย่านะ!"
พีโวด้ายกมือขึ้นขอให้หยุด แต่เพื่อชีวิตตัวเองจึงไม่มีใครยั้งมือ
สภาพศพพีโวด้าจึงน่าสังเวชมาก
"แฮ่ก ๆ ฆ่าได้แล้ว พวกเราทำได้แล้ว"
"มันตายแล้วแน่นอน"
"เย้ ข้ารอดแล้วววว!"
"จะปล่อยพวกเราไปใช่ไหมคะ"
"จะให้ช่วยขนของหรือทำอะไรอีกสั่งมาได้เลยครับ"
"ผมหยิบสมบัติเลยได้ไหมครับ แค่ชิ้นเดียวก็ได้ครับ"
"เอาสิ ขนได้เท่าไหร่ก็เอาไปเลย"
พวกมันจึงรีบทิ้งอาวุธแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องด้านในสุด
ส่วนผมกับทีมเดินให้ช้าลงและเว้นระยะห่างจนเป็นแถวยาว
จนพวกเราเกือบถึงประตู พวกมันก็ขนสิ่งที่อยากได้ออกมา
ทั้งอุ้ม ถือ หนีบและยัดในเสื้อกับกางเกงเท่าที่เอาไปไหว บางคนล้นจนของหล่นก็ใช้เท้าเตะลากไปด้วย
แทงค์เปิดทางให้พวกมันเดินผ่านไป
พวกมันหน้าระรื่นขอบคุณพวกผมกันยกใหญ่ รอจนคนสุดท้ายเดินผ่านแทงค์เข้ามา
ทุกคนก็ลงมือสังหารพวกมัน
ของพะรุงพะรังเต็มตัว ไม่มีอาวุธหรือเกราะป้องกันและไม่ทันระวังตัว
งานนี้จึงเชือดนิ่มๆ ไม่เสียเวลา ไม่เปลืองพลัง
แต่แปลกใจที่บุยมันฉลาดพอจะไม่เข้าไปร่วมแย่งด้วย ไม่งั้นศพของกลุ่มนี้คงมีบุยรวมอยู่ด้วย
ผมปล่อยให้คนในทีมกับเด็กที่ซื้อมาเก็บสมบัติกันตามใจชอบ บุยจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะรู้แล้วว่าผมไม่คิดจะฆ่ามัน
มันจึงเข้าไปร่วมหยิบด้วย แต่ฉลาดพอที่จะถามว่ามีใครต้องการสมบัติชิ้นนั้นไหม และมันจะเลือกเก็บของที่ทีมของผมไม่เอา
คนแบบนี้เอาตัวรอดเก่ง ไว้ถ้ามันกลายเป็นนักผจญภัย ค่อยขอท่านไจเกียเอามันเข้ากิลด์ แต่อย่างน้อยก็ต้อง [แรงค์ D] ด้วยล่ะนะ
ที่ห้องด้านในสุด สภาพถูกรื้อค้นเละเทะกระจัดกระจายไปหมด
เมื่อกวาดตามอง ก็เห็นเด็กเหลือกันแค่สองคน
ทาสเด็กเผ่ามนุษย์หมานอนแน่นิ่งเหมือนตายไปแล้ว
ส่วนอีกคนก็ใช่นังเด็กที่หลอกผมไปผิดทาง
"ไม่คิดเลยว่าเด็กอย่างแกจะเอาความจริงมาหลอก"
เมื่อเห็นและจำผมได้ นังเอลด้าก็ฝืนยิ้มแห้งให้ทั้งที่ตัวสั่นกลัว
"ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ"
แล้วก็ก้มกราบทันที ไม่ร้องไห้งอแง ไม่พูดจาขอร้องน่ารำคาญหรือพูดยั่วยุสักคำ ราวกับหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ศัตรูหัวเสีย
ที่มันสั่นกลัว ผมยังคิดไม่ออกเลยว่ามันกลัวจริงหรือแกล้งทำ
ชักถูกใจแล้วสิ อยากได้มาเป็นคู่หูเลย
แต่โทษที นิสัยอยากชำแหละมันกำเริบน่ะ ยังไงงานที่ท่านไจเกียสั่งไว้ก็ต้องมาก่อน
ผมง้างเท้าแล้วเตะนังเด็กนี่อัดเข้ากับกำแพง
"โอ๊ยยย!"
ตอนที่มันกลิ้งกลับมาผมก็เหยียบคอมันพร้อมกับตวัดมีดลงไป
"กรี๊ดดดดดดดดดดด!"
ริมฝีปากด้านซ้ายจนถึงแก้มฉีกขาดออกจากกัน
ผมใช้มีดงัดแก้มขึ้นเพื่อตรวจดูฟันเขี้ยว
ใช้ได้ ทรงแบบนี้ท่านไจเกียน่าจะต้องการ
"ไม่ต้องห่วง จะระวังไม่ให้ตาย เพราะยังต้องเอาไปใช้งานอยู่"
จะได้รู้สักทีว่าคาลิก้าผมทองมันเป็นใครและมีดของท่านไจเกียหายไปไหน
ท่านไจเกียจะต้องพอใจมากแน่
"งั้นมาเริ่มชำแหละกันเลย"