Cherreads

Chapter 36 - ตอนที่ 36 ยื้อ

เหตุการณ์ในอดีต ของกลุ่ม [หนูผี] และดันเจี้ยนทะเล

กลุ่ม [หนูผี] ในตอนแรกเริ่มนั้นเป็นเพียงกลุ่มอันธพาลกระจอกเล็กๆ เพียงไม่กี่คน

เพราะไม่มีสถานที่ใช้รวมตัว จึงเข้าไปยึดท่อระบายน้ำเก่า ขับไล่ขอทานแก่และผู้สูงอายุที่ไร้ครอบครัวออกไป

แต่หลังจากสำรวจทุกซอกทุกมุมเพราะหวังเศษเงินหรืออาหาร หัวหน้าของกลุ่มกลับเจอประตูทางเข้าดันเจี้ยน

ในดันเจี้ยนมีมอนสเตอร์ปลาฟันแหลมคมแถมมีสองขาเหมือนมนุษย์เดินกันอยู่ 30 ตัวเท่านั้นในตอนแรกเริ่ม

เขาเกิดความโลภขึ้นทันที คิดว่านี่คือพรที่เทพธิดาอวยพรให้แก่กลุ่มของเขา

นี่คือสมบัติของเขาเท่านั้น จึงตัดสินใจซ่อนเอาไว้โดยไม่แจ้งสำนักงาน

แต่การลงดันเจี้ยนทะเลสำหรับคนสลัมแบบพวกเขานั้นยากมาก มอนสเตอร์ปลาตัวเดียวในนั้นก็ฆ่าพวกเขาได้ทั้งกลุ่มแล้ว

หลังขบคิดกันอยู่นานพวกเขาก็เริ่มแผนการลักพาตัวเด็กไปขายให้พ่อค้าทาสต่างเมือง

จนชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็น กลุ่มโจรลักเด็ก [หนูผี]

หลังจากได้เงินจำนวนมาก สิ่งที่เขาทำคือการซื้อทาสถูกๆ กับอาวุธพังๆ แล้วส่งพวกนั้นเข้าไปสู้ โดยเน้นที่จำนวน

ด้วยความที่ไม่รู้ ไม่ได้รับการศึกษา ทุกคนในกลุ่มจึงไม่มีใครรู้ว่าชั้นต่อไปของดันเจี้ยนทะเลจะซ่อนอยู่ใต้ก้อนหิน

พวกเขาหลงระเริงอยู่กับความโลภตรงหน้า เพราะหลังจากล่าได้ ก็รีบติดต่อหาพ่อค้าจากนอกอาณาจักรมาซื้อ

ถึงจะโดนกดราคา แต่เงินที่พ่อค้ารับซื้อก็ยังสูงซะจนน่าตกใจ เรียกว่าเปลี่ยนชีวิตจากยาจกกลายเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในสลัม

กลุ่มของพวกเขาใหญ่โตขึ้น พวกที่อยู่มาตั้งแต่ต้นได้ใช้ชีวิตสุขสบายในรังลับ อาหารการกินเหลือเฟือ มีทาสคอยปรนนิบัติรับใช้

วิธีการขายคือ นำซากที่ได้มาสับเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วยัดใส่ร่างสัตว์ใหญ่ ก่อนใช้เครื่องเทศกลิ่นฉุนเพื่อกลบกลิ่นคาวทะเลยัดเข้าไป แล้วขนออกไปในตอนกลางคืน

พวกเขาติดสินบนทหารเฝ้าประตูเมืองทุกคนเอาไว้ ให้ตรวจสอบแบบไม่ละเอียด

พอตรวจสอบคร่าวๆ ก็เจอแต่เครื่องเทศ พวกทหารเลยเข้าใจกันไปเองว่าลักลอบขายเครื่องเทศเฉยๆ

โดยที่พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าดันเจี้ยนทะเลแห่งนี้มีถึง 10 ชั้นตั้งแต่เกิด และควรถูกกำจัดโดยทันที

และการที่ส่งทาสที่ไม่มีทักษะการต่อสู้และอาวุธดีๆ จำนวนมากไปตาย ก็กลายเป็นสารอาหารชั้นดีป้อนให้ดันเจี้ยนทะเลทุกวัน

*****

เหตุการณ์ก่อนประกาศฉุกเฉิน ซากท่อระบายน้ำเก่าเขตสลัม หลังถูกลาสวินทำลาย

ตั้งแต่ที่ลาสวินกับคาลิก้าจากไปมันก็เริ่มสั่นตั้งแต่ตอนนั้น

จากการสั่นเพียงแค่ก้อนทรายเม็ดเล็กๆ เพียงไม่กี่ก้อน มันค่อยๆ ขยายตัวเป็นการสั่นสะเทือนไปทั้งท่อระบายน้ำ

เศษซากเริ่มร่วงหล่นและกลิ้งออกไปมากขึ้น มากขึ้น จนกระทั่งแขนของมนุษย์ข้างนึงโผล่ออกมา

แขนข้างนั้นตวัดไปมารอบทิศ เมื่อสัมผัสอะไรไม่ได้เลย แขนจึงถอยกลับเข้าไปในรู

ในรูอันมืดมิดนั้นมีลูกตาของปลามาแทนที่

เมื่อพบกับแสงสว่างและสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างหิมะ

มันก็รีบทำลายสิ่งกีดขวางและกรูกันออกมายิ่งกว่ามดแตกรัง

ตอนนั้นเองที่มีลมสว่านสีดำยิงใส่พวกมันจนอวัยวะกับชิ้นส่วนกระจายกันไปคนละทาง

พวกที่รอดจึงยิ่งกระหายเลือดอยากฆ่าทุกสิ่งที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน

*****

โนนา นักผจญภัยเผ่าฮาร์ปีสังกัดสำนักงานดูแลนักผจญภัย แผนกตรวจสอบเฝ้าระวังและส่งข่าว รับคำสั่งโดยตรงจากโรเซ่นหรือเหนือกว่าขึ้นไปเท่านั้น

เพราะได้ลมสีดำของลาสวินช่วยเร่ง ฉันจึงไม่ต้องขยับปีกมาก แค่กางปีกไว้ก็ร่อนไปข้างหน้าเองอย่างรวดเร็ว

พอเข้าเขตสลัมก็เห็นความวุ่นวายจากพวกนักผจญภัย บางส่วนไล่กระทืบอันธพาล บางส่วนก็ตามจับเด็กมาถาม

ฉันมองไปทั่วสลัมหาจุดผิดสังเกต ถ้าดันเจี้ยนแตกจริงก็ต้องเห็นแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นมอนสเตอร์แม้แต่ตัวเดียว

บินวนอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงระเบิด ตอนแรกดังแล้วเงียบหายไป แต่หลังจากนั้นก็ดังขึ้นถี่มาก

ฉันจึงบินไปตามเสียงนั้น จนได้เจอลูกบอลสีดำยิงพายุสว่านใส่ฝูงมอนสเตอร์ปลาจำนวนมหาศาลที่ทะลักออกมาไม่หยุด

ฉันหยิบตุ๊กตาคู่รักออกมาบีบทิ้งในทันที

ฝูงมอนสเตอร์วิ่งเข้าใส่ลูกบอลสีดำอย่างไม่กลัวตาย ตัวที่เล็ดลอดไปได้พุ่งเข้าไปข้างในลูกบอลแล้วถูกปั่นเละเป็นเนื้อบด

ทำให้บอลลมสีดำหดขนาดเร็วกว่าเดิม

ก็คิดจะให้บอลดำยื้อจนหายไป แล้วฉันค่อยเข้าไปถ่วงเวลาให้อีกที จะได้มีเวลาเตรียมตัวนานหน่อย

แต่พอโดนพวกที่เอาตัวเข้าแลกไปหลายครั้งเข้า บอลลมสีดำก็อ่อนกำลังลง ยิงได้อีกไม่กี่นัดก็สลายไป

จะยื้อได้นานไหมเนี่ย

ฉันบินลงต่ำ สูดลมหายใจเข้าแล้วพ่นออกมาเป็น ลมหายใจเพลิง

แล้วไล่เผาบ้านเป็นทางยาวเพื่อสร้างกำแพงไฟขังมันเอาไว้

ดีที่ด้านหลังจุดที่พวกมันออกมาเป็นกำแพงเมือง จึงไม่ต้องเสียเวลาบินวน

บ้านในสลัมก็สร้างติดกันจนแออัดไฟจึงลามติดกันได้ แต่โชคไม่ดีตรงที่ไม้มันเย็นเพราะฤดูหนาวประกอบกับหิมะตกไม่หยุดทำให้บางหลังต้องเผาอยู่นานไฟถึงจะติด กำแพงไฟจึงบิดเบี้ยวไปมา

มอนสเตอร์ประเภทอยู่ในน้ำอย่างพวกมันไม่ถูกกับไฟอย่างมาก แต่มันก็ยังวิ่งฝ่าเข้าไปในกองไฟอย่างหน้าตาเฉย

ฉันรีบเปิดมิติเก็บของแล้วสอดกรงเล็บเท้าเข้าไปหยิบอาวุธออกมา

มันเป็นง้าวขนาดใหญ่ ตัวด้ามจับมีความยาวมากกว่าฉันซะอีก

ฉันพุ่งลงไปในกำแพงไฟที่ทำไว้ จุ่มใบง้าวลงไปให้โดนไฟเผา

จนง้าวติดไฟก็หมุนตัวฟันอากาศในแนวนอน สร้างคลื่นเปลวเพลิงเผาถล่มพวกมันไปเกือบ 30 ตัว

กลิ่นปลาไหม้ลอยคลุ้งไปในอากาศ

ฉันบินเข้าไปตวัดง้าวไล่ฟันพวกที่หลุดฝูงขาดเป็นสองท่อนตัวแล้วตัวเล่า

พอเห็นสิ่งมีชีวิตอื่น พวกมันก็เปลี่ยนเป้าหมายจากการฝ่ากำแพงไฟมาฆ่าฉันทันที

ฉันพ่นลมหายใจเพลิงอีกนัดพร้อมกับตวัดง้าวลากเปลวเพลิงหมุนวนไปรอบตัว

สร้างคลื่นไฟแผ่ขยายโจมตีทุกทิศทางโดยมีฉันเป็นจุดศูนย์กลางแล้วรีบบินขึ้น หลบพวกที่ยังฝ่าเข้ามาได้

เสียงกรีดร้องของพวกมันดังระงมผสานกับเสียงตัวเองถูกย่างจนฉันแทบปวดหู

ฉันมองไปยังทางที่มันออกมา เมื่อเห็นว่าพวกปลาสองแขนสองขาไม่ออกมาแล้ว

ฉันก็รีบไล่เก็บพวกที่เหลือ ด้วยการบินโฉบฟันมันจากบนฟ้า

พวกมันบางตัวพยายามกระโดดจับง้าวเพื่อจะลากฉันลงมา แต่ถ้าคิดจะยื้อแรงกับฮาร์ปี้กลางเวหาล่ะก็ ไปคิดใหม่ในโลกหน้าซะ

ฉันงัดง้าวขึ้นเหวี่ยงมันขึ้นไปบนฟ้า หมุนตัวฟันผ่ามันเป็นสองซีกกลางอากาศ

พอจะไปเก็บกวาดที่เหลือต่อ พวกมอนสเตอร์ชั้นสามก็กรูกันออกมา

เป็นปลาที่มีแขนขาเหมือนกับชั้นสอง ต่างกันที่พวกมันสวมชุดเกราะและถือดาบกับโล่

มอนสเตอร์ชั้นยิ่งลึก ยิ่งดุร้ายและเยอะกว่าเดิม ยิ่งเป็นดันเจี้ยนแตกที่ไม่มีใครไปลดจำนวน มันก็จะแออัดกันจนเต็มความจุของชั้น

ประมาณคร่าวๆ ของชั้น 3 น่าจะเกือบร้อยเลยล่ะ

พวกมันวิ่งกระจายออกไปทุกทิศทางยกเว้นกำแพงเมือง ใช้โล่บังด้านหน้าตัวเองแล้ววิ่งฝ่าไฟออกไป

ฉันจึงต้องเร่งกำแพงไฟที่อ่อนแรงลงให้มันลุกโชนขึ้นอีกครั้งด้วยลมหายใจเพลิง

แต่ตอนที่ไล่เสริมกำแพงไฟ ฉันก็ต้องหยุดแล้วบินหนีดาบที่พวกมันปาใส่ขึ้นไปบนฟ้า

พอดูท่าว่าฝ่าไม่ได้พวกมันจึงเริ่มรวมตัวกันในจุดเดียวแล้วเหยียบศพเพื่อนที่ตายฝ่าไป

แบบนี้หลุดออกมาได้แน่

ฉันม้วนตัวบินลงไปหน้ากำแพงไฟ แล้วตวัดฟันขึ้นในแนวตั้งใส่กำแพงไฟ

เปลวเพลิงก่อตัวเป็นรูปง้าวพุ่งเข้ากระแทกและเผาพวกมันเป็นเส้นตรงยาว

เป็นท่าที่แรงก็จริง แต่ทำให้กำแพงไฟส่วนที่ฟันหายไป พวกที่เหลือพอเห็นช่องว่างจึงวิ่งเข้ามารวมกันทางนี้

ฉันจึงต้องรีบพ่นลมหายใจเพลิงปิดเส้นทาง

"พวกชั้นสามอย่างแกฝ่าไฟฉันไม่ได้หรอกน่า!"

แต่ผิดคาด

คราวนี้พวกมันรวมตัวอยู่หน้ากำแพงไฟแล้วเหยียบพวกเดียวกันขึ้นไปเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่สูงเหนือกำแพงไฟ จนฉันต้องรีบบินหนี

จากนั้นพวกมันก็โถมตัวลงมาทับกำแพงไฟตรงหน้าจนดับแทบจะในทันที

"เมื่อไหร่จะประกาศสักทีค๊าาาา! จะยื้อไม่อยู่แล้วน๊าาาา!"

ฉันสร้างกำแพงไฟเพิ่มอีกชั้น ส่วนพวกมันก็คิดจะทำแบบเดิม

ฉันจึงพ่นลมหายใจเพลิงใส่ง้าวแล้วตวัดฟันจากด้านหลังพวกมัน คราวนี้มันร่วมมือกันปาโล่เพื่อลดพลังโจมตีของเปลวเพลิง

"อะไรเนี่ย!"

ฉลาดขนาดนี้ได้ไงเนี่ย

ฉันจึงเปลี่ยนไปโจมตีด้วยการโฉบฟาดง้าวใส่ตรงๆ

ถ้าสู้กันในน้ำเกราะพวกมันอาจจะกันได้เพราะแรงโจมตีของเราจะลดลง แต่อยู่บนบกเกราะแบบนี้ก็เหมือนกระดาษสำหรับฉัน

แรงปะทะของฉันทำพวกมันหลายตัวกระเด็นไปไกล บางตัวที่โดนใบมีดง้าวฟันเต็มๆ ก็ตัวขาดกระจุย

Hit and Run แบบนี้ไปเรื่อยๆ กลุ่มก้อนพวกมันก็ล้มครืนลงมา

"เอาสิ จะก่อตัวอีกกี่รอบ ฉันก็จะโค่นพวกแกลงมาทุกรอบนั่นแหละ"

ตอนที่เตรียมตัวจะบินโฉบลงไปฟันอีกรอบ ฉันก็ต้องตีลังกาเบี่ยงตัวหลบกระสุนน้ำจำนวนมากกลางอากาศ

พวกชั้นสี่ออกมาแล้ว เป็นปลาตัวอ้วนกลมใหญ่เท่าโต๊ะทำงาน จากที่เคยศึกษาข้อมูลของพวกมัน

พวกนี้จะมีครีบเล็ก ทำให้ว่ายน้ำช้า แต่โจมตีได้ระยะไกลมาก

แต่พออยู่บนบกมันดันกลิ้งตัวเฉย เลยเคลื่อนที่ได้ไวสุดๆ

"อะไรวะเนี่ย?!!"

มันกลิ้งกระจายตัวออกไป แล้วไล่ยิงฉันจากหลายๆ ทิศ จนต้องบินหักหลบอย่างต่อเนื่อง

โดนเข้าไปสักนัดคงมีจุกแน่ ดูจากกระสุนน้ำลูกเดียวพังบ้านได้สามถึงสี่หลัง

กำแพงไฟก็ถูกบอลน้ำพวกมันดับอย่างรวดเร็ว แถมยังกินหิมะแล้วเปลี่ยนเป็นเป็นน้ำได้อย่างรวดเร็ว มันจึงยิงได้ไม่จำกัด

ฉันได้แต่บินสูงขึ้นไปบนฟ้าเพื่อให้พ้นระยะยิงแทน

ยื้อไม่ไหวแล้วแบบนี้ บินกลับไปแจ้งเตือนพวกนักผจญภัยเลยละกัน

พอมันยิงฉันไม่ถึง ก็เปลี่ยนไปดับกำแพงไฟแล้วเริ่มกระจายตัวไปในสลัม

----- <นี่คือเสียงประกาศจากสำนักงานดูแลนักผจญภัยสาขาหลัก> -----

----- <...> -----

"โว้ววว! มาได้สักทีนะคะ!"

ในตอนที่ดีใจก็เหลือบไปมองเห็นพวกปลาอ้วนมันหยุดกลิ้ง กับพวกชั้นสามที่ทิ้งดาบแล้วถือแต่โล่วิ่งไปรวมตัวกัน

อะไรของมัน ตามปกติมอนสเตอร์จากดันเตี้ยนแตกควรจะเดินหน้าฆ่าไม่หยุดสิ

แต่ตอนนี้ปลาอ้วนมันกลับพ่นน้ำทะเลใส่พื้น ส่วนพวกชั้นสามก็วิ่งไปรวมตัวแล้วยกโล่ขึ้นเหมือนพยายามปกป้องอะไรสักอย่าง

"บ้าไปแล้ว! มันกำลังสร้างพื้นที่ได้เปรียบ!"

พวกมันคิดเองแบบนี้ไม่ได้แน่ ต้องมีตัวสั่งการ

ฉันรีบกวาดตามองหาปลาอ้วนที่ลักษณะแปลกกว่าตัวอื่นจะได้ฆ่าทิ้ง

แต่มองไปทางไหนก็ไม่มี ฉันจึงสงสัยใต้โล่ที่พวกชั้นสามคอยปกป้องอยู่

ต้องอยู่ในนั้นแน่ แต่มันชักจะแปลกๆ ที่มอนสเตอร์ต่างชั้นกันจะช่วยเหลือกัน

ค่อยคิด เอาเป็นตอนนี้รีบหยุดมันก่อนละกัน

ฉันบินเข้าหาพวกมันตรงๆ เมื่อได้ระยะก็พ่นลมหายใจเพลิงแล้วตวัดง้าวฟันเป็นท่าง้าวเพลิงเข้าใส่

ไฟไม่แรงพอท่าง้าวเพลิงจึงเบากว่าตอนทำกับกำแพงไฟที่มีเชื้อเพลิงอย่างไม้ แต่ก็เพียงพอให้ตัวสั่งการบาดเจ็บไม่ก็ตกใจกลัวได้

แค่นี้มันก็จะลนจนการสั่งการชะงักไปเอง ถือเป็นของขวัญแถมท้ายไปละกัน ยื้อได้แค่นี้นะค๊าท่านโรเซ่น

ทันทีที่ง้าวไฟพุ่งกระทบโล่ เปลวไฟก็ลามกระจายไปทั่ว โล่ร้อนจนละลายหลอมมือกับแขนพวกมันจนขาด

บางตัวก็หน้าแหว่งคอหลุดไปเลย

แต่พวกปลาอ้วนก็ยังไม่ยอมหยุดพ่นน้ำ และใต้โล่ที่คิดว่ามีตัวสั่งการกลับไม่มีอะไรเลย

แล้วพวกมันทำบ้าอะไรของมัน ยกโล่ขึ้นมาเล่นๆ เหรอ...?!!

"หรือว่า...?! มันหลอกให้ฉันโจมตี!"

ในที่สุดก็นึกออก ทำไมถึงพึ่งมาคิดได้ ก็ว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่มอนสเตอร์สั่งการมอนสเตอร์ชั้นอื่นแล้ว

ปกติตัวบอสเล็กจะสั่งการได้แค่มอนสเตอร์ในชั้นเดียวกันเท่านั้น

แต่ถ้าสั่งการข้ามชั้นได้ คิดได้อย่างเดียวเลยว่า บอสชั้นสุดท้ายที่คุ้มกันแกนดันเจี้ยนเป็นคนสั่งการอยู่

และบอสที่จะทำแบบนั้นได้ ต้องเป็นบอสที่เกิดตั้งแต่ชั้น 30 ลงไปเท่านั้น

ดันเจี้ยนนี้มันลึกเกินไปแล้ว ต้องรีบไปรายงานท่านโรเซ่น

และเพราะลดเพดานบินลงมาโจมตี และมัวแต่คิดจึงไม่ทันระวังและสังเกตรอบตัวให้ดี อีกทั้งพวกมันยังโปร่งใส

ตอนนี้รอบๆ ตัวฉันแม้แต่บนหัว มีฟองอากาศจำนวนมากลอยไปมาอยู่รอบตัว และตัวที่ปล่อยฟองพวกนี้ออกมาก็ค่อยๆ คลานขึ้นมาจากพื้นหิมะใต้น้ำ

ฉิบหายแล้ว!! นี่มันมอนสเตอร์ชั้นห้า กุ้งฟองระเบิด

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

More Chapters