Cherreads

Chapter 52 - ตอนที่ 52 ประโยชน์

จีเซ็น กลูอาร์ต อัศวินสายสั่งการจากกองบัญชาการอัศวิน รับหน้าที่สั่งการทัพเสริมเข้าช่วยด้านนอกกำแพงเมือง

ปัจจุบันได้รับบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าเสียโฉมจนไม่เหลือเค้าเดิม กระดูกแก้มแตก คางหัก ฟันร่วงหมดปาก กระดูกซี่โครงและบาดเจ็บภายในอีกหลายส่วนจนสลบไป

หลังได้พนักงานกับพวกทหารส่วนตัวที่ยังลุกไหวเข้าช่วยเหลือ จีเซ็นจึงรอดชีวิตมาได้

ส่วนใบหน้าที่เสียโฉมไปแล้วไม่อาจกู้คืนได้อีก ยกเว้นจะได้รางวัลพระราชทานเป็นอีลิกเซอร์จากราชา

ส่วนฮีลเลอร์ [แรงค์ S] แม้แต่ตระกูลขุนนางอย่างเขาก็หมดหวังไปขอความช่วยเหลือ

จีเซ็นที่ตั้งสติได้ก็รีบสั่งการพวกทหารส่วนตัวทันที

"ไลเลาลา หลึ่งลองลัน"

ทหารส่วนตัวของเขาได้แต่ทำหน้างง เพราะฟังไม่รู้เรื่อง

"โล้ยยยย ล่อลวอกลว่า ไลเลาลาหลึ่งลองลัน" (โว้ยยยย ก็บอกว่า ไปเอามาหนึ่งกองพัน)

เมื่อฟังไม่รู้เรื่องพวก ทหารสาวคนนึงที่คิดได้ก็ไปขอสมุดกับปากกาขนนกจากพนักงานมาให้จีเซ็นเขียนลงไป

บนกระดาษเขียนว่า : ไปเอามาหนึ่งกองพันไล่ตามจับอีนังนั่นมาไงโว้ย อีพวกโง่ จับเป็นนะ ห้ามฆ่า

พร้อมกับยื่นตราสำรองให้เอาไปออกคำสั่ง

"รับทราบคำสั่งค่ะ"

"ลอหล่อนเหลอะ ลีลังไล่ล๋าละเลว ล่ะเลาไล่ลังลิ่งหลว่าลัวไล๋ลี่เลยเล่นลาเลย" (รอก่อนเถอะ อีนังไพร่สารเลว จะเอาให้พังยิ่งกว่าตัวไหนที่เคยเล่นมาเลย)

พวกเธอมองหน้ากันว่ามีใครเข้าใจไหม แต่ละคนต่างส่ายหน้าเหมือนกัน พวกเธอจึงแย่งกันออกไปทำตามคำสั่ง แทนที่จะมานั่งฟังคนพูดไม่รู้เรื่อง

ใช้เวลาสักพักทหารสาวของจีเซ็นที่ยังไหวและแย่งหน้าที่มาได้ก็มาถึงประตูเมือง ส่วนทัพเสริมก็ยังคงเดินทัพออกนอกเมืองไม่หยุด

หลังสอบถามหัวหน้าทหารที่คุมความเรียบร้อยแถวนั้น ก็ได้ความว่า พบเห็นเด็กสาวสวมหน้ากากไม้ผมสีทองกระโดดข้ามทัพเสริมเข้าไปในสลัมจริง

พวกเขาโชว์ตราอัศวินสำรองของจีเซ็นให้ดู แล้วถ่ายทอดคำสั่ง

ทหารที่เดินทัพอยู่โดนสั่งหยุดกลางคัน หัวแถวที่กำลังจะออกจากประตูเมืองเลี้ยวเข้าสลัมไปตั้งแถวใหม่จนครบ 1 กองพัน

และเพราะคำสั่งนี้ ทำให้แนวหน้านอกกำแพงเมืองที่ต้องการกำลังเสริมมาช่วยอย่างต่อเนื่องเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที หลังจากยื้อไว้ได้อยู่นาน

*****

คาลิก้า เนฮิว

ตอนที่วิ่งใกล้ถึงกองทัพเสริม ฉันไม่ลดความเร็วแม้แต่น้อยแล้วกระโดดข้ามหัวพวกเขาไปเลย

ระหว่างที่ลอยข้ามหัว หูฉันคงดีขึ้นมากจึงได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิง

พอหันไปมองก็เห็นมอนสเตอร์กุ้งตัวใหญ่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้น อวัยวะภายในไหลทะลักออกมาข้างนอก

น่าจะอยู่ข้างในเพราะเสียงร้องไห้มันดูก้องๆ

ตอนที่ลงพื้นฉันจึงใช้เท้าเบรกเพื่อช่วยชะลอความเร็วจนฝุ่นตลบ ระหว่างนั้นก็มองหาของรอบตัว

จนไปเจอดาบพังเล่มนึงที่ใบดาบหักครึ่ง ฉันคว้ามันขึ้นมาแล้วกระโดดขึ้นไปบนบ้าน

ง้างดาบไปข้างหลังแล้วเขวี้ยงใส่ส่วนหัว พร้อมกับตะโกนว่า

"มีคนรอดชีวิตอยู่ในนั้น!"

ตะโกนเสร็จก็วิ่งจากไป โดยไม่สนใจเสียงโหวกเหวกข้างหลัง

*****

ดาบที่คาลิก้าเขวี้ยง โดนเข้าที่ส่วนข้อต่อระหว่างหัวกับลำตัวพอดี ทำให้ส่วนหัวฉีกขาดออกจากลำตัว

หัวหน้าทหารที่ได้ยินเสียงตะโกนของคาลิก้า ด้วยความสงสัยจึงพยักหน้าให้ลูกน้องไปตรวจสอบ

และก็ได้เจอนักผจญภัยสาวอยู่ข้างในจริง หลังตรวจสอบก็พบว่าเธอชื่อเรเชล จากกิลด์ [เขี้ยวประกายแสง]

ว่าตามกฎอัยการศึก เธอผิดที่ออกมาแล้วไม่ยอมกลับเข้าสลัม ซึ่งเขาสามารถใช้อำนาจประหารได้เลย

แต่เพราะพวกเขารู้ว่าเธอคือคนโปรดของไจเกียคนนั้น จึงได้แต่จับกุมแล้วส่งคนไปแจ้งไจเกียให้มารับแทน

ส่วนเรเชลไม่ได้รู้สึกแย่แต่อย่างใด กลับกันรู้สึกดีมากซะด้วยซ้ำ

เพราะตอนนี้ก็ไม่รู้ไจเกียจะทำเรื่องบ้าอะไรอยู่ ถ้ารู้เรื่องที่เธอโดนจับ ไจเกียต้องหยุดทำเรื่องนั้นแล้วมาช่วยเธอก่อนแน่

*****

ฉันวิ่งมาถึงแนวหลังนักผจญภัย

สภาพที่นี่คือเละเทะมาก บนพื้นมีรอยเลือดกับร่องรอยการต่อสู้เต็มไปหมด ซากมอนสเตอร์กุ้งตัวเล็กถูกกวาดมากองพะเนินเป็นภูเขา

เสียงครวญครางจากคนเจ็บรอความช่วยเหลือมีนับไม่ถ้วน บางคนรอไม่ไหวหยุดหายใจไปแล้วก็มี

ฮีลเลอร์ หมอและคนที่ต่อสู้ไม่เป็น ทำงานกันอย่างหนักสายตัวแทบขาด ศพที่ตายแล้วถ้าตรวจสอบพบว่าไม่มีญาติก็เอาไปเผาในหลุมที่ขุดขึ้นมาชั่วคราว ควันไฟจึงลอยไม่หยุด ส่วนทรัพย์สินของศพไร้ญาติสำนักงานจะเข้ามายึดทั้งหมดก่อนส่งเข้าพระราชวัง

แต่ถ้าเป็นทาสหรือคนสลัมจะถูกโยนทิ้งลงคลอง ในคลองจึงเต็มไปด้วยซากศพลอยเต็มไปหมด

บรรยากาศจึงหดหู่และน่าเวทนามาก

ฉันกวาดตามองคร่าวๆ แล้ว ที่นี่ไม่มีเด็กเลยสักคน ทาสพอมีบ้าง ส่วนคนสลัมแทบไม่เจอ

ฉันจึงถามคนใกล้ตัวว่าคนสลัมไปอยู่ไหนหมด คำตอบที่ได้คือแนวหน้าสุด

ฉันจึงไม่รอช้าวิ่งที่สนามรบด้านหน้า สวนทางกันคนเจ็บที่หามไปแนวหลังไม่หยุด

ฉันเลือกไปยังเส้นทางที่ทหารน้ำแข็งไม่ได้ค้นหา โดยตรงไปแนวหน้าให้เร็วที่สุด จนมาถึงกลางทัพ

ถึงจะไม่เห็นเด็กตลอดทางที่ผ่านมา แต่ฉันก็ตะโกนเรียกเอลด้าไม่หยุด เสียงตะโกนของฉันดังยิ่งกว่าตอนก่อนได้พลัง

แต่ไม่ตกเป็นเป้าสนใจ เพราะมีหลายคนที่วิ่งตะโกนหาเพื่อนหรือคนรักไปทั่วสนามรบเหมือนกันกับฉันนับไม่ถ้วน

แค่เสียงของฉันมันดังกว่าแค่นั้นเอง ถึงขนาดมีนักผจญภัยหลายคนเข้ามาขอร้อง จะจ่ายเงินให้ฉันช่วยตะโกนหาคนที่พวกเขาต้องการ

บางคนก็ร้องไห้อ้อนวอน ถึงขั้นกอดขาขอร้องให้ฉันช่วยด้วยซ้ำ ก็อยากช่วยแต่ฉันต้องจำใจปฏิเสธไป

เมื่อเลยกลางสนามรบไปอีกหน่อย การโจมตีระยะไกลก็เริ่มมีหลุดเข้ามาทั้งแบบอาวุธและเวทมนตร์

มีสามง่ามเล่มนึงพุ่งเข้าใส่ฮีลเลอร์ที่กำลังรักษาคนเจ็บอยู่ ฉันที่ผ่านทางมาพอดีจึงยื่นมือไปจับมันหยุดไว้ได้ทัน ก่อนจะเขวี้ยงสวนกลับไป

ฉันช่วยเท่าที่ช่วยได้ อันไหนไม่ทันก็ต้องปล่อยไป ยิ่งไปข้างหน้าการโจมตีก็ยิ่งหลุดเข้ามามากยิ่งขึ้น

บางทีมัวแต่มองหาอีกฝั่ง หอกน้ำที่เกิดจากเวทมนตร์ก็เสียบหัวคนข้างตัวจนตายคาที่

มีบ้างที่ฉันระวังไม่ทัน โดนเวทน้ำแรงดันสูงกระแทกเข้าที่อกเต็มๆ

ตัวฉันปลิวกระเด็นกลิ้งไปหลายตลบ จนฮีลเลอร์วิ่งเข้ามาดูอาการ แต่พอลุกขึ้นมาแบบไร้บาดแผล ฮีลเลอร์ก็ยกนิ้วให้แล้วไปรักษาคนอื่นต่อ ถึงจะรู้สึกเจ็บนิดหน่อยแต่ไม่นานก็หายไป คิดถูกจริงๆ ที่อัพความทนทานมา

ใช้เวลาสักพักใหญ่ถึงจะฝ่าการโจมตีไปใกล้แนวหน้าได้

สถานการณ์ที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ต่างฝ่ายต่างฆ่ากันราวกับโกรธแค้นกันมานาน โลหิตไหลนองพื้นจนแทบจะเป็นแม่น้ำ

การโจมตีสวนไปมาไม่หยุด คนกับมอนสเตอร์เสียชีวิตกับแทบจะเป็นรายวินาที

แนวหลังมอนสเตอร์ไกลๆ ก็มีการโจมตีใหญ่อย่างดาวตกระเบิดใส่บ่อยๆ ชิ้นส่วนกับแรงลมร้อนจึงพัดปลิวมาไม่หยุด

และก็เป็นจริงอย่างที่คนคนนั้นพูด คนสลัมกับทาสแทบจะรวมกันอยู่ที่นี่ ฉันมองหาเด็กที่คล้ายเอลด้า เจอคล้ายอยู่หลายคน แต่ไม่ใช่เอลด้าสักคน

ส่วนเด็กทุกคนที่เจอ ฉันจับโยนไปข้างหลังโดยเล็งใส่ใครสักคนเพื่อไม่ให้พวกเด็กเจ็บตอนหล่นลงไป

ถึงมีบางคนจะไม่พอใจเพราะอยากใช้เป็นโล่หรือเบนความสนใจ แต่สถานการณ์ต่อสู้มันติดพันจึงได้แต่ส่งสายตากับส่งเสียงไม่พอใจใส่ฉัน

ซึ่งฉันไม่สน ตอนนี้ฉันจะทำอย่างที่ฉันอยากทำ

ระหว่างหาฉันก็โดนมอนสเตอร์เข้ามาโจมตีบ่อย อย่างมอนสเตอร์ที่พวกเขาเรียกว่านากา

ตามปกติคือฉันตั้งตัว หลบแล้วก็สวนทัน มีบ้างที่หลบไม่พ้น แต่ครั้งนี้ฉันโดนเต็มๆ เพราะมันโจมตีตอนฉันกำลังตกใจ

มันเกิดขึ้นตอนที่ฉันโยนเด็กคนนึงที่เจอกลับไปแนวหลัง แล้วจู่ๆ ก็ดันมีไอ้บ้าขโมยถังน้ำของน้องฉันฉวยโอกาสกระโดดเข้ามากอดขาเด็กคนนั้นลอยตามไปด้วย

ฉันที่ตกใจกับการกระทำของมัน จึงโดนนากาเล่นงาน

มันอ้าปากกัดหัวฉันเต็มแรง พร้อมกับจับแขนสองข้างฉันฉีกออก

แต่พละกำลังฉันเหนือกว่า ฉันดึงแขนตัวเองกลับแล้วง้างปากที่กัดหัวฉันอยู่ออกก่อนเหวี่ยงตัวมันข้ามหัวฟาดลงกับพื้น

แล้วจบชีวิตด้วยการต่อยเข้าที่หัวมันเต็มแรง มือของฉันทะลุผ่านหัวกะโหลกหนาๆ จมลงไปในสมองได้อย่างง่ายดาย มันชักกระตุกไม่กี่ทีแล้วแน่นิ่งไป

จากนั้นฉันก็คว้าโล่ที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมาปาใส่หัวไอ้ปอดแหกขโมยถังน้ำคนนั้นจนมันหัวแตกนอนชักดิ้นชักงอบนพื้น

แล้วตะโกนตามหาเอลด้าต่อไป

จนกระทั่งฉันเห็นคุณลาสวินบนฟ้ากำลังกระหน่ำยิงเวทลมสีดำไม่หยุด

งั้นกลุ่มคนด้านล่างคุณลาสวิน คงเป็นกิลด์ [เวทกังวาน]

ฉันจึงรีบตรงเข้าไปสอบถามคนในกิลด์แนวหลังที่ยังไม่พัวพันกับการต่อสู้

"ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณลาสวินได้พาเด็กผมสีดำ สูงประมาณนี้ ชื่อเอลด้ามาบ้างไหมคะ"

คนที่ฉันถามนึกอยู่พักนึง ก่อนจะนึกขึ้นได้

"อ๋อ เธอคือคาลิก้าใช่ไหม?"

"ใช่ค่ะ"

แล้วสายตาของเธอก็มองฉันอย่างไม่เป็นมิตรทันที

"ถ้าน้องเธอล่ะก็ เราจ้างทหารไปส่งที่กิลด์พร้อมจดหมายประทับตรากิลด์เราแล้ว เราจ่ายค่าปิดปากไปเยอะ เพราะงั้นถึงจะเป็นคนสลัมก็น่าจะอยู่ที่นั่นแล้วแน่นอน ไปถึงก็ถามหาเอาเอง"

"ขอบคุณมากเลยค่ะ"

ฉันขอบคุณโดยที่ก้มหัวให้ ถึงจะมีเสียงสบถไม่พอใจ แต่ฉันก็ก้มหน้ายอมรับ

มันเป็นเพราะฉันพวกเขาถึงเสียท่านเลร่าไป ฉันจึงไม่ตอบโต้กลับอะไรทั้งนั้น

อย่างน้อยก็โล่งใจแล้วที่เอลด้าปลอดภัย ตอนนี้ต้องแอบพาพี่เทียร่ากับเอลด้าหนีแล้ว เพราะฉันต้องถูกทหารทั้งอาณาจักรหมายหัวแน่

แต่พอฉันจะหันตัวกลับไปก็มีอีกคนเรียกฉันให้หยุดซะก่อน

"มีอะไรเหรอคะ"

"รองหัวหน้ากิลด์ฝากคำพูดมาให้เธอ จำไว้ว่าทุกสิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง เพราะรองหัวหน้ากิลด์เราสนิทกับท่านเลร่า"

เธอดูจริงจังมากจนฉันเริ่มกลัวนิดๆ

"ค่ะ พูดมาได้เลยค่ะ"

"เวทของท่านเลร่าหยุดความตายได้ก็จริง แต่ถ้าไม่มีท่านเลร่าคอยเติมพลังให้เรื่อยๆ เวทจะค่อยๆ เสื่อมลง ซึ่งมันหมายความว่า พี่ของเธอกำลังจากไปอย่างช้าๆ"

ถึงจะใจหาย แต่ไม่เป็นไร ก็แค่ต้องรีบไปช่วย ฉันมีพลังฟื้นฟูแล้ว หายแน่นอน แต่คำพูดหลังจากนั้น

"แล้วก็น้องเธอ จากสภาพที่เราเห็นพูดได้เต็มปากว่าฟื้นยาก ตอนนี้เธอเหมือนผักที่ตอบสนองอะไรไม่ได้ ก็แล้วแต่เธอว่าจะปล่อยให้อยู่แบบนั้นหรือปล่อยให้เธอจากไป"

"ทะ ทำไม ไม่สิ ใครทำคะ! ใครทำน้องฉัน!"

"ฉันก็ไม่ทราบ ตอนท่านลาสวินช่วยมาสภาพเธอก็เป็นแบบนั้นแล้ว สิ่งที่ฉันจะพูดมีเพี.."

ฉันไม่ฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่ออีกแล้วรีบวิ่งไปยังเมืองชั้นนอกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

*****

หลังจากคาลิก้าวิ่งหายไปจนลับสายตา

คนในกิลด์ที่พูดกับคาลิก้าก็กลับไปหารองหัวหน้ากิลด์ที่กำลังพักฟื้นพลังอยู่

"ฉันบอกเธอตามที่ท่านสั่งไปแล้วค่ะ แต่จำเป็นต้องโกหกเรื่องสกิลของท่านเลร่าด้วยเหรอคะ"

รองหัวหน้ากิลด์ซดยาเพิ่มพลังเวทแล้วเสกเถาวัลย์โจมตีกับป้องกันให้ลูกกิลด์ตัวเองอยู่สักพักก่อนจะหันมาตอบ

"ในเมื่อท่านเลร่าอยากช่วยให้เธอมีชีวิตเป็นของตัวเอง งั้นการที่มีภาระติดตัวอยู่แบบนี้เด็กคนนั้นจะตัดใจแล้วก้าวไปข้างหน้าได้ยังไง ถึงจะโหดร้ายไปหน่อย แต่เพราะมันไม่มีหวังช่วยพี่กับน้องเธอได้อยู่แล้ว ไว้สักวันที่เธอทำใจได้ เธอจะมาขอบคุณฉันเองที่โกหกไปแบบนั้น"

"ค่ะ แล้วเรื่องทหารที่เราจ้างไปส่งน้องเธอที่กิลด์แต่กลับโดนดักทำร้าย ส่วนน้องเธอก็หายไปด้วย เรื่องนี้ก็ไม่ควรบอกเหรอคะ"

"ไม่ต้องบอกก็ดีแล้ว เดี๋ยวเธอก็รู้เองเมื่อไปถึงกิลด์เรา เราช่วยเธอมาพอแล้ว บอกไปเดี๋ยวมันก็ให้เราช่วยอีก"

ส่วนในใจของรองหัวหน้ากิลด์เวทกังวาน

ให้ตายสิ เด็กนั่นนำพามาแต่ภาระ แค่นี้กิลด์เราก็เสียบุคลากรมือดีไปหลายคนแล้ว ช่วยแค่นั้นกิลด์เราก็ดูดีในสายตาคนอื่นพอแล้ว

จะให้ช่วยมากไปกว่านี้กิลด์เราก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะงั้นพวกขยะไร้ประโยชน์แบบนี้ ตัดทิ้งไปได้ซะก็ดี

More Chapters