คาลิก้า เนฮิว
ฉันต่อยหมัดขวาซัดเข้าที่หน้ามันเต็มแรงจนหน้าหัน พร้อมกับยื่นมือซ้ายไปดึงเอลด้าออกจากปากของมันมากอดไว้
อสูรปลากระเด็นถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วหันมามองฉันหน้าตาเฉย
นี่ขนาดต่อยเต็มแรงแล้วมันยังไม่เป็นอะไรสักนิด เกราะศิลาไม่มีการแตกร้าว กลับกันกระดูกมือฉันแตกละเอียด นิ้วหักงอจนใช้การไม่ได้ ต้องรอเวลารักษาสักพัก
เกราะมันเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นหนามแหลมแล้วแทงออกมารอบตัว ฉันรีบหันหลังเอาตัวบังเอลด้าไว้
"โอ๊ยยยย!"
หนามแทงทะลุเนื้อด้านหลังเข้ามาได้นิดนึงจนเลือดไหล
ยังดีที่การโจมตีของมันไม่รุนแรงเท่าไอ้สารเลวโรจา
ฉันรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปคว้าน้องหูสัตว์ขึ้นมาอุ้มหนีไปด้วยกัน พร้อมกับขอบคุณเธอที่ช่วยปกป้องเอลด้า
เด็กหูสัตว์สะดุ้งกับคำขอบคุณที่ฉันพูด เธอก้มหน้างุดก่อนร้องไห้ออกมา
ฉันไม่รู้เหตุการณ์ก่อนหน้า แต่ฉันเห็นกับตาว่าเธอยื่นมือจะไปคว้าเอลด้ากลับมาตอนที่จะโดนเจ้าอสูรนั่นกิน
เป็นคนอื่นคงอาจจะทิ้งแล้วหนีเอาตัวรอดไปแล้ว
ไม่เป็นไร หนีรอดแน่ เพราะตอนที่กำลังวิ่งมา ทหารน้ำแข็งที่เห็นฉันก็เริ่มมารวมตัวแล้ววิ่งตามมาที่จุดนี้ แต่เพราะฉันเร็วกว่าพวกนั้นเลยยังมาไม่ถึง
ฉันแค่ต้องวิ่งลากไปหาทหารน้ำแข็ง ให้พวกเขาช่วยยื้อไว้ให้
ตอนนั้นเองที่ฉันได้ยินเสียงรุนแรงจากข้างหลัง จึงตัดสินใจกระโดดหักหลบไปด้านข้างแบบไม่คิดชีวิต โดยเอาหลังลงไม่ให้พวกเธอเจ็บ
ตูมมมมมมมมมมมมม!
อสูรตัวนั้นใช้สองมือทุบใส่จุดที่ฉันอยู่เมื่อสักครู่ ถ้าฉันตัดสินใจช้าไปสักวินาทีเดียวคงโดนเต็มๆ แน่
"เธอน่ะ เป็นตัวอะไร ฝ่ายไหนกันแน่"
มันชี้หน้าฉันพร้อมกับถามคำถามแปลกๆ
แต่ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป รีบลุกขึ้นแล้วหนีอีกรอบ
คราวนี้ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างกระพือแรงมาก พอฉันหันกลับไปมอง
ก็เห็นก้อนหินน้อยใหญ่และอาวุธอีกมากมายรอบตัวมันลอยขึ้นจากพื้น
ฉันจับพวกเธอทั้งคู่มากอดไว้ตรงกลางแล้วก้มตัวหมอบกับพื้น ใช้ร่างกายปกป้องพวกเธอ
ก้อนหินกับอาวุธโจมตีใส่ร่างฉันอย่างแม่นยำ
ไม่เป็นไร ไม่เจ็บ แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก ฉันทนได้
แต่แล้วก็มีเสียงแปลกๆ ฝ่าลมมา ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีจึงรีบหันไปมอง
สิ่งที่ฉันรีบทำคือโยนทั้งสองคนออกไปไกลๆ ก่อนจะโดนอสูรตัวนั้นต่อยด้วยเกราะศิลาที่มันถอดแล้วเอามารวมกันที่มือ เข้าที่กลางหลังอย่างรุนแรง
ตูมมมมมมมมมมมมมมมม!
"อ่อก!"
ฉันจมลงไปในพื้นดินพร้อมกับกระอักเลือดออกมากองใหญ่
มันเหยียบหัวฉันกดลงไปบนพื้น ก่อนจะก้าวไปหาพวกเธอ
ฉันฝืนเจ็บแล้วคว้าขามันไว้แน่น แต่มันไม่สนใจยังคงเดินโดยมีฉันโดนลากติดเท้าไปด้วย
ฉันจึงง้างหมัดซ้ายต่อยให้แขนจมลงไปในพื้นเพื่อยึดมันเอาไว้
เมื่อมันขยับไปต่อไม่ได้ มันจึงหันมาสนใจฉัน
"เธอวิวัฒนาการได้น้อยกว่าข้าหรือรูปแบบอ่อนกว่าข้ากันนะ ปล่อยซะแล้วข้าจะไว้ชีวิต"
ฉันไม่ตอบอะไรกลับไป เพียงแต่รีบใช้แขนโอบขาขวาล็อกมันไว้แน่น ก่อนหันไปพูดกับน้องหูสัตว์
"น้องหูสัตว์! ถ้ายังพอลุกไหว! ช่วยพาเอลด้าหนีไปหาทหารน้ำแข็งที!"
น้องหูสัตว์พยักหน้าแทนคำตอบแล้วคลานเข้าไปใช้ปากกัดเสื้อเอลด้าหนีไปอย่างทุลักทุเล
"ข้าไม่เข้าใจ ทำไมเธอเหมือนแล้วก็ไม่เหมือนข้ากันนะ"
ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่มันพูดแม้แต่น้อย มันปลดเกราะศิลาออกแล้วกระพือปีกอีกครั้ง
ไม่ยอมให้ทำหรอก
"ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!"
เสียงคำรามของฉันทำให้เกล็ดติดๆ ขัดๆ การควบคุมลมของมันพังลง อาวุธที่กำลังจะลอยตกลงพื้น ส่วนมันส่ายหัวเพราะมึนงงเล็กน้อย
และไม่ว่ามันจะลองอีกกี่ครั้งฉันก็คำรามหยุดไม่ให้มันบังคับอาวุธไปโจมตีใส่พวกเธอทั้งสอง
และโชคดีที่ฉันโยนทั้งสองคนไปไกล การโจมตีหนามของมันจึงไปไม่ถึงด้วย
"ช่างน่ารำคาญ"
มันรวมเกราะศิลาขึ้นมาเป็นเสาเหนือหัวแล้วปล่อยทิ้งลงใส่ร่างฉันเหมือนตอกเสาเข็ม
ตึง!
"อ๊าาาาาาาาาาาาาา! อ๊อค!"
ฉันกรีดร้องไม่ทันสุดเสียง ลิ่มเลือดก็ไหลท่วมคอจนสำลักออกมา
มันยกเกราะศิลาขึ้นอีกครั้ง
ตึง!
ตึง!
ตึง!
ตึง!
ไม่รู้ว่าโดนไปอีกกี่ครั้ง ร่างฉันจมลงไปในดินลึกมากแต่ก็ลากขามันลงมาด้วย กระดูกทั่วตัวหัก อวัยวะภายในฉีกขาด ร่างกายทำการรักษาซ้ำไปมาไม่หยุด เลือดที่อ้วกออกมาเจิ่งนองจนเป็นแอ่งน้ำ
มันหอบหายใจอย่างรำคาญ ส่วนฉันก็หายใจลำบาก เจ็บไปทั้งร่าง ดวงตาเริ่มพร่ามัว พละกำลังลดลงเรื่อยๆ สติกำลังจะหายไป
ฉันโขกหัวกับพื้นให้หัวแตกเพื่อเรียกสติ จะปล่อยมันไปไม่ได้ จนกว่าจะแน่ใจว่าพวกเธอหนีไปไกลแล้ว
เมื่อทำให้ฉันปล่อยขามันไม่ได้ มันจึงเปลี่ยนไปเล่นงานพวกเธอแทน
มันเตรียมปาเกราะศิลาออกไปพร้อมกับกระพือเกล็ดเพื่อบังคับทิศทางให้โดนแบบแน่นอน
แบบนี้ต่อให้ฉันใช้คำรามจนมึนเกราะศิลาก็ยังถูกโยนไปอยู่ดี จะเสี่ยงลุ้นให้มันโยนพลาดไม่ได้
และมันก็เตรียมวิ่งทันทีถ้าฉันถอนมือไปช่วย ด้วยสภาพร่างกายตอนนี้ ฉันวิ่งไปปกป้องพวกเธอไม่ทันมันแน่
ฉันมองไปรอบตัว ทำไงดี แถวนี้ไม่มีคนเลย ทหารน้ำแข็งก็อยู่ไกลเกินไป มาไม่ทันแน่
จนฉันหันไปมองไปที่เกล็ดของมัน อาจได้ผล ยังไงก็ต้องรีบลองดู
จังหวะที่มันกำลังจะปา ฉันกดปากลงไปในจังหวะที่เกล็ดเปิดออกแล้วคำรามอัดเต็มเสียง
"อ้ากกกกกกกกกกกก!"
มันกรีดร้องคำรามลั่น ทำเกราะศิลาตกพื้น พร้อมกับทรุดเข่าเอามือกุมหัว
ฉันถอนมือซ้ายออกแล้วรีบลุกขึ้นคำรามอัดมันอีกครั้งแล้วหันไปต่อยเกราะศิลาเต็มแรงจนมือหักให้มันกลิ้งไปไกลๆ มันจะได้เสียเวลาเก็บกลับมา
ตอนที่วิ่งไปหาเด็กทั้งสองทหารน้ำแข็งก็ใกล้ถึงแล้ว
เพราะคิดแต่เรื่องหนีจากมันสุดชีวิต จึงไม่ได้สังเกตเอลด้าอย่างละเอียด
ถึงจะพอเห็นแล้วแต่ตอนนั้นเพื่อเอาชีวิตรอดจากมันจึงพยายามไม่มองเท่าที่ทำได้
และตอนที่ฉันจับตัวเธอพลิกขึ้นมาและได้เห็นสภาพของเธอทั้งหมดอย่างละเอียด
"เอล... ด้า..."
น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
"พี่... ขอโทษ..."
โหดร้าย เกินไปแล้ว
หน้าตาน่ารักของเอลด้าถูกกรีดปาก ฉีกแก้มจนเละเทะ ฟันในปากรอบฟันเขี้ยวถูกถอนออกมาหมดจนเหงือกอยู่ในสภาพน่ากลัว
แขนซ้ายขาด ขาที่เหลือไหม้เกรียมจนใช้การไม่ได้
มีแผลเป็นที่ช่วงท้องขนาดใหญ่และตามตัวอีกนับไม่ถ้วน
เอลด้าไม่ตอบสนอง มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาที่อาจหยุดไปได้ทุกเมื่อ บ่งบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
"พี่... ขอโทษ... จริง ๆ..."
"ฮึก ฮือ... ขอ... โทษ..."
ตัวฉันสั่นเทิ้มไม่หยุด แม้จะโดนอาวุธเล่นงานเข้าที่หัว ฉันก็ไม่สนใจ
ฉันดึงเอลด้าเข้ามากอดอย่างนุ่มนวลพลางพูดขอโทษเธอไม่หยุด
พี่ขอโทษที่มาช้า พี่ขอโทษที่พี่มาปกป้องเธอไม่ทัน พี่ผิดเอง ฮือ ๆ ๆ
ตอนนั้นเองที่มีอาวุธปาเข้าใส่เอลด้า มือของฉันที่ยังไม่หายดีพุ่งขึ้นไปคว้าบีบดาบเล่มนั้นจนพัง
[แจ้งเตือน!!! ความโกรธกำลังพุ่งสูงขึ้น]
[หากเป็นไปได้ ให้ยับยั้งความโกรธลง]
เมื่อทหารน้ำแข็งมาถึง ฉันก็ส่งเด็กทั้งสองให้ ก่อนจะสั่งให้พาพวกเธอไปรวมตัวกับพี่เทียร่าที่กิลด์ [เวทกังวาน]
"เดี๋ยวสิ อาหารสัตว์ข้าให้ได้ แต่อาหารขยะตัวนั้นข้าต้องกิน"
[แจ้งเตือน!!! ความโกรธใกล้ถึงระดับที่กำหนด]
[หากเป็นไปได้ ให้ยับยั้งความโกรธลงโดยทันที]
"ข้าเป็นคนทำให้มันอยู่ในสภาพนั้นเองแหละ ฮิฮิฮิ"
ฉันหันไปมองอสูรตัวนั้นโดยไม่สนใจข้อความในหน้าต่างและหน้ากากที่หลุดออกไปเอง
[แจ้งเตือน!!! ความโกรธถึงระดับที่กำหนด]
*****
อสูรปลาเกล็ดวายุเกราะศิลา
หลังหายปวดหัว ข้าก็กระพือเกล็ดสร้างเวทลมลากเกราะกลับมา
ระหว่างรอเกราะกลับมา ข้ามองไปที่เธอ จนตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอคืออาหารหรือเพื่อนต่างพันธุ์ ต้องทำยังไงกับเธอดีนะ
"เธอวิวัฒนาการมาจากเผ่าพันธุ์ไหน ของข้าคือปลา"
แม้จะลองบอกข้อมูลของตัวเอง แต่เธอก็ไม่ยอมตอบข้าเหมือนเคย เอาแต่นิ่งเงียบมองอาหารตัวนั้นด้วยความไม่เชื่อสายตา
"เธอได้รูปแบบไหนมา ของข้าคือกลายพันธุ์"
แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ แต่เธอก็ยังไม่สนใจข้า เอาแต่หลั่งน้ำตาอย่างไร้ประโยชน์และพูดแต่คำว่าขอโทษกับอาหารขยะตัวนั้น
ในเมื่อไม่ตอบ งั้นก็ต้องลองกระตุ้นดู ข้าใช้ลมบังคับดาบเล่มนึงโจมตีใส่หัวเธอ
ดาบกระแทกเข้าใส่หัวเธอเต็มแรงจนหัวเอียง แต่เธอก็ยังไม่สนใจ แถมยังดึงอาหารขยะตัวนั้นเข้าไปกอดอย่างทะนุถนอม
ข้าจึงเปลี่ยนเป้าหมายบังคับดาบอีกเล่มพุ่งใส่อาหารขยะ
ได้ผล ก่อนดาบจะถึงตัวอาหารขยะ เธอยกมือขึ้นมาคว้าบีบจนพังโดยไม่ต้องมอง
สภาพมือเละแบบนั้น ยังช่วยอาหารขยะตัวนั้นอีก
แล้วอยู่ๆ ก็มีพวกอาหารเวทน้ำแข็งหน้าโง่ วิ่งเข้ามาให้ตัวเองละลายเล่น
ส่วนเธอก็ส่งอาหารขยะทั้งสองตัวให้พวกอาหารเวทน้ำแข็งหน้าโง่นั่นหน้าตาเฉย
"เดี๋ยวสิ อาหารสัตว์ข้าให้ได้ แต่อาหารขยะตัวนั้นข้าต้องกิน"
แล้วจู่ๆ บรรยากาศรอบตัวเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป ได้ผลแล้ว แต่เพราะเธอยังคงไม่ตอบและไม่สนใจฟังสิ่งที่ข้าพูด เลยต้องกระตุ้นหนักๆ
"ข้าเป็นคนทำให้มันอยู่ในสภาพนั้นเองแหละ ฮิฮิฮิ"
และตอนนั้นเองที่ความหวาดกลัวเล่นงานข้าจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ในตอนที่หน้ากากเธอหลุดและหันมามอง ข้าก็ได้เห็นดวงตาสีทองค่อยๆ หม่นแสงลงจนเป็นสีดำสนิท ก่อนจะกลายเป็นสีแดงราวกับโลหิต
ตอนนั้นข้ารับรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ใช่ทั้งอาหารหรือเพื่อนต่างพันธุ์
แต่เป็นศัตรูที่ต้องกำจัดหรือหลีกเลี่ยงหนีให้ห่างเพื่อเอาชีวิตรอด
*****
คาลิก้า เนฮิว
[ความโกรธเลยระดับที่กำหนด ทำการหยุดแจ้งเตือนความโกรธ]
[เป้าหมายถูกเลือกแล้ว]
[สติและความนึกคิดถูกยับยั้ง]
[สัญชาตญาณดิบของเผ่าพันธุ์โอเกอร์ถูกปลุก]
[ทำการปรับสภาพร่างกายบางส่วนให้เข้ากับเผ่าพันธุ์]
[เลเวลสกิลทั้งหมดที่ไม่ได้อัพทำการ + 5]
[ความเสียหาย ขึ้นสู่ระดับ 5]
[เลเวลสกิลทั้งหมดที่อัพแล้วทำการ X 2]
[สมดุลร่างกาย ขึ้นสู่ระดับ 20]
[พละกำลัง ขึ้นสู่ระดับ 10]
[ความทนทานของผิวหนัง ขึ้นสู่ระดับ 16]
[ความคล่องแคล่ว ขึ้นสู่ระดับ 12]
[การฟื้นฟู ขึ้นสู่ระดับ 20]
[คาลิก้า เนฮิว เข้าสู่สถานะ คลั่ง]