Cherreads

Chapter 56 - ตอนที่ 56 กระตุ้น

คาลิก้า เนฮิว

ฉันต่อยหมัดขวาซัดเข้าที่หน้ามันเต็มแรงจนหน้าหัน พร้อมกับยื่นมือซ้ายไปดึงเอลด้าออกจากปากของมันมากอดไว้

อสูรปลากระเด็นถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วหันมามองฉันหน้าตาเฉย

นี่ขนาดต่อยเต็มแรงแล้วมันยังไม่เป็นอะไรสักนิด เกราะศิลาไม่มีการแตกร้าว กลับกันกระดูกมือฉันแตกละเอียด นิ้วหักงอจนใช้การไม่ได้ ต้องรอเวลารักษาสักพัก

เกราะมันเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นหนามแหลมแล้วแทงออกมารอบตัว ฉันรีบหันหลังเอาตัวบังเอลด้าไว้

"โอ๊ยยยย!"

หนามแทงทะลุเนื้อด้านหลังเข้ามาได้นิดนึงจนเลือดไหล

ยังดีที่การโจมตีของมันไม่รุนแรงเท่าไอ้สารเลวโรจา

ฉันรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปคว้าน้องหูสัตว์ขึ้นมาอุ้มหนีไปด้วยกัน พร้อมกับขอบคุณเธอที่ช่วยปกป้องเอลด้า

เด็กหูสัตว์สะดุ้งกับคำขอบคุณที่ฉันพูด เธอก้มหน้างุดก่อนร้องไห้ออกมา

ฉันไม่รู้เหตุการณ์ก่อนหน้า แต่ฉันเห็นกับตาว่าเธอยื่นมือจะไปคว้าเอลด้ากลับมาตอนที่จะโดนเจ้าอสูรนั่นกิน

เป็นคนอื่นคงอาจจะทิ้งแล้วหนีเอาตัวรอดไปแล้ว

ไม่เป็นไร หนีรอดแน่ เพราะตอนที่กำลังวิ่งมา ทหารน้ำแข็งที่เห็นฉันก็เริ่มมารวมตัวแล้ววิ่งตามมาที่จุดนี้ แต่เพราะฉันเร็วกว่าพวกนั้นเลยยังมาไม่ถึง

ฉันแค่ต้องวิ่งลากไปหาทหารน้ำแข็ง ให้พวกเขาช่วยยื้อไว้ให้

ตอนนั้นเองที่ฉันได้ยินเสียงรุนแรงจากข้างหลัง จึงตัดสินใจกระโดดหักหลบไปด้านข้างแบบไม่คิดชีวิต โดยเอาหลังลงไม่ให้พวกเธอเจ็บ

ตูมมมมมมมมมมมมม!

อสูรตัวนั้นใช้สองมือทุบใส่จุดที่ฉันอยู่เมื่อสักครู่ ถ้าฉันตัดสินใจช้าไปสักวินาทีเดียวคงโดนเต็มๆ แน่

"เธอน่ะ เป็นตัวอะไร ฝ่ายไหนกันแน่"

มันชี้หน้าฉันพร้อมกับถามคำถามแปลกๆ

แต่ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป รีบลุกขึ้นแล้วหนีอีกรอบ

คราวนี้ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างกระพือแรงมาก พอฉันหันกลับไปมอง

ก็เห็นก้อนหินน้อยใหญ่และอาวุธอีกมากมายรอบตัวมันลอยขึ้นจากพื้น

ฉันจับพวกเธอทั้งคู่มากอดไว้ตรงกลางแล้วก้มตัวหมอบกับพื้น ใช้ร่างกายปกป้องพวกเธอ

ก้อนหินกับอาวุธโจมตีใส่ร่างฉันอย่างแม่นยำ

ไม่เป็นไร ไม่เจ็บ แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก ฉันทนได้

แต่แล้วก็มีเสียงแปลกๆ ฝ่าลมมา ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีจึงรีบหันไปมอง

สิ่งที่ฉันรีบทำคือโยนทั้งสองคนออกไปไกลๆ ก่อนจะโดนอสูรตัวนั้นต่อยด้วยเกราะศิลาที่มันถอดแล้วเอามารวมกันที่มือ เข้าที่กลางหลังอย่างรุนแรง

ตูมมมมมมมมมมมมมมมม!

"อ่อก!"

ฉันจมลงไปในพื้นดินพร้อมกับกระอักเลือดออกมากองใหญ่

มันเหยียบหัวฉันกดลงไปบนพื้น ก่อนจะก้าวไปหาพวกเธอ

ฉันฝืนเจ็บแล้วคว้าขามันไว้แน่น แต่มันไม่สนใจยังคงเดินโดยมีฉันโดนลากติดเท้าไปด้วย

ฉันจึงง้างหมัดซ้ายต่อยให้แขนจมลงไปในพื้นเพื่อยึดมันเอาไว้

เมื่อมันขยับไปต่อไม่ได้ มันจึงหันมาสนใจฉัน

"เธอวิวัฒนาการได้น้อยกว่าข้าหรือรูปแบบอ่อนกว่าข้ากันนะ ปล่อยซะแล้วข้าจะไว้ชีวิต"

ฉันไม่ตอบอะไรกลับไป เพียงแต่รีบใช้แขนโอบขาขวาล็อกมันไว้แน่น ก่อนหันไปพูดกับน้องหูสัตว์

"น้องหูสัตว์! ถ้ายังพอลุกไหว! ช่วยพาเอลด้าหนีไปหาทหารน้ำแข็งที!"

น้องหูสัตว์พยักหน้าแทนคำตอบแล้วคลานเข้าไปใช้ปากกัดเสื้อเอลด้าหนีไปอย่างทุลักทุเล

"ข้าไม่เข้าใจ ทำไมเธอเหมือนแล้วก็ไม่เหมือนข้ากันนะ"

ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่มันพูดแม้แต่น้อย มันปลดเกราะศิลาออกแล้วกระพือปีกอีกครั้ง

ไม่ยอมให้ทำหรอก

"ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!"

เสียงคำรามของฉันทำให้เกล็ดติดๆ ขัดๆ การควบคุมลมของมันพังลง อาวุธที่กำลังจะลอยตกลงพื้น ส่วนมันส่ายหัวเพราะมึนงงเล็กน้อย

และไม่ว่ามันจะลองอีกกี่ครั้งฉันก็คำรามหยุดไม่ให้มันบังคับอาวุธไปโจมตีใส่พวกเธอทั้งสอง

และโชคดีที่ฉันโยนทั้งสองคนไปไกล การโจมตีหนามของมันจึงไปไม่ถึงด้วย

"ช่างน่ารำคาญ"

มันรวมเกราะศิลาขึ้นมาเป็นเสาเหนือหัวแล้วปล่อยทิ้งลงใส่ร่างฉันเหมือนตอกเสาเข็ม

ตึง!

"อ๊าาาาาาาาาาาาาา! อ๊อค!"

ฉันกรีดร้องไม่ทันสุดเสียง ลิ่มเลือดก็ไหลท่วมคอจนสำลักออกมา

มันยกเกราะศิลาขึ้นอีกครั้ง

ตึง!

ตึง!

ตึง!

ตึง!

ไม่รู้ว่าโดนไปอีกกี่ครั้ง ร่างฉันจมลงไปในดินลึกมากแต่ก็ลากขามันลงมาด้วย กระดูกทั่วตัวหัก อวัยวะภายในฉีกขาด ร่างกายทำการรักษาซ้ำไปมาไม่หยุด เลือดที่อ้วกออกมาเจิ่งนองจนเป็นแอ่งน้ำ

มันหอบหายใจอย่างรำคาญ ส่วนฉันก็หายใจลำบาก เจ็บไปทั้งร่าง ดวงตาเริ่มพร่ามัว พละกำลังลดลงเรื่อยๆ สติกำลังจะหายไป

ฉันโขกหัวกับพื้นให้หัวแตกเพื่อเรียกสติ จะปล่อยมันไปไม่ได้ จนกว่าจะแน่ใจว่าพวกเธอหนีไปไกลแล้ว

เมื่อทำให้ฉันปล่อยขามันไม่ได้ มันจึงเปลี่ยนไปเล่นงานพวกเธอแทน

มันเตรียมปาเกราะศิลาออกไปพร้อมกับกระพือเกล็ดเพื่อบังคับทิศทางให้โดนแบบแน่นอน

แบบนี้ต่อให้ฉันใช้คำรามจนมึนเกราะศิลาก็ยังถูกโยนไปอยู่ดี จะเสี่ยงลุ้นให้มันโยนพลาดไม่ได้

และมันก็เตรียมวิ่งทันทีถ้าฉันถอนมือไปช่วย ด้วยสภาพร่างกายตอนนี้ ฉันวิ่งไปปกป้องพวกเธอไม่ทันมันแน่

ฉันมองไปรอบตัว ทำไงดี แถวนี้ไม่มีคนเลย ทหารน้ำแข็งก็อยู่ไกลเกินไป มาไม่ทันแน่

จนฉันหันไปมองไปที่เกล็ดของมัน อาจได้ผล ยังไงก็ต้องรีบลองดู

จังหวะที่มันกำลังจะปา ฉันกดปากลงไปในจังหวะที่เกล็ดเปิดออกแล้วคำรามอัดเต็มเสียง

"อ้ากกกกกกกกกกกก!"

มันกรีดร้องคำรามลั่น ทำเกราะศิลาตกพื้น พร้อมกับทรุดเข่าเอามือกุมหัว

ฉันถอนมือซ้ายออกแล้วรีบลุกขึ้นคำรามอัดมันอีกครั้งแล้วหันไปต่อยเกราะศิลาเต็มแรงจนมือหักให้มันกลิ้งไปไกลๆ มันจะได้เสียเวลาเก็บกลับมา

ตอนที่วิ่งไปหาเด็กทั้งสองทหารน้ำแข็งก็ใกล้ถึงแล้ว

เพราะคิดแต่เรื่องหนีจากมันสุดชีวิต จึงไม่ได้สังเกตเอลด้าอย่างละเอียด

ถึงจะพอเห็นแล้วแต่ตอนนั้นเพื่อเอาชีวิตรอดจากมันจึงพยายามไม่มองเท่าที่ทำได้

และตอนที่ฉันจับตัวเธอพลิกขึ้นมาและได้เห็นสภาพของเธอทั้งหมดอย่างละเอียด

"เอล... ด้า..."

น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

"พี่... ขอโทษ..."

โหดร้าย เกินไปแล้ว

หน้าตาน่ารักของเอลด้าถูกกรีดปาก ฉีกแก้มจนเละเทะ ฟันในปากรอบฟันเขี้ยวถูกถอนออกมาหมดจนเหงือกอยู่ในสภาพน่ากลัว

แขนซ้ายขาด ขาที่เหลือไหม้เกรียมจนใช้การไม่ได้

มีแผลเป็นที่ช่วงท้องขนาดใหญ่และตามตัวอีกนับไม่ถ้วน

เอลด้าไม่ตอบสนอง มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาที่อาจหยุดไปได้ทุกเมื่อ บ่งบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่

"พี่... ขอโทษ... จริง ๆ..."

"ฮึก ฮือ... ขอ... โทษ..."

ตัวฉันสั่นเทิ้มไม่หยุด แม้จะโดนอาวุธเล่นงานเข้าที่หัว ฉันก็ไม่สนใจ

ฉันดึงเอลด้าเข้ามากอดอย่างนุ่มนวลพลางพูดขอโทษเธอไม่หยุด

พี่ขอโทษที่มาช้า พี่ขอโทษที่พี่มาปกป้องเธอไม่ทัน พี่ผิดเอง ฮือ ๆ ๆ

ตอนนั้นเองที่มีอาวุธปาเข้าใส่เอลด้า มือของฉันที่ยังไม่หายดีพุ่งขึ้นไปคว้าบีบดาบเล่มนั้นจนพัง

[แจ้งเตือน!!! ความโกรธกำลังพุ่งสูงขึ้น]

[หากเป็นไปได้ ให้ยับยั้งความโกรธลง]

เมื่อทหารน้ำแข็งมาถึง ฉันก็ส่งเด็กทั้งสองให้ ก่อนจะสั่งให้พาพวกเธอไปรวมตัวกับพี่เทียร่าที่กิลด์ [เวทกังวาน]

"เดี๋ยวสิ อาหารสัตว์ข้าให้ได้ แต่อาหารขยะตัวนั้นข้าต้องกิน"

[แจ้งเตือน!!! ความโกรธใกล้ถึงระดับที่กำหนด]

[หากเป็นไปได้ ให้ยับยั้งความโกรธลงโดยทันที]

"ข้าเป็นคนทำให้มันอยู่ในสภาพนั้นเองแหละ ฮิฮิฮิ"

ฉันหันไปมองอสูรตัวนั้นโดยไม่สนใจข้อความในหน้าต่างและหน้ากากที่หลุดออกไปเอง

[แจ้งเตือน!!! ความโกรธถึงระดับที่กำหนด]

*****

อสูรปลาเกล็ดวายุเกราะศิลา

หลังหายปวดหัว ข้าก็กระพือเกล็ดสร้างเวทลมลากเกราะกลับมา

ระหว่างรอเกราะกลับมา ข้ามองไปที่เธอ จนตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอคืออาหารหรือเพื่อนต่างพันธุ์ ต้องทำยังไงกับเธอดีนะ

"เธอวิวัฒนาการมาจากเผ่าพันธุ์ไหน ของข้าคือปลา"

แม้จะลองบอกข้อมูลของตัวเอง แต่เธอก็ไม่ยอมตอบข้าเหมือนเคย เอาแต่นิ่งเงียบมองอาหารตัวนั้นด้วยความไม่เชื่อสายตา

"เธอได้รูปแบบไหนมา ของข้าคือกลายพันธุ์"

แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ แต่เธอก็ยังไม่สนใจข้า เอาแต่หลั่งน้ำตาอย่างไร้ประโยชน์และพูดแต่คำว่าขอโทษกับอาหารขยะตัวนั้น

ในเมื่อไม่ตอบ งั้นก็ต้องลองกระตุ้นดู ข้าใช้ลมบังคับดาบเล่มนึงโจมตีใส่หัวเธอ

ดาบกระแทกเข้าใส่หัวเธอเต็มแรงจนหัวเอียง แต่เธอก็ยังไม่สนใจ แถมยังดึงอาหารขยะตัวนั้นเข้าไปกอดอย่างทะนุถนอม

ข้าจึงเปลี่ยนเป้าหมายบังคับดาบอีกเล่มพุ่งใส่อาหารขยะ

ได้ผล ก่อนดาบจะถึงตัวอาหารขยะ เธอยกมือขึ้นมาคว้าบีบจนพังโดยไม่ต้องมอง

สภาพมือเละแบบนั้น ยังช่วยอาหารขยะตัวนั้นอีก

แล้วอยู่ๆ ก็มีพวกอาหารเวทน้ำแข็งหน้าโง่ วิ่งเข้ามาให้ตัวเองละลายเล่น

ส่วนเธอก็ส่งอาหารขยะทั้งสองตัวให้พวกอาหารเวทน้ำแข็งหน้าโง่นั่นหน้าตาเฉย

"เดี๋ยวสิ อาหารสัตว์ข้าให้ได้ แต่อาหารขยะตัวนั้นข้าต้องกิน"

แล้วจู่ๆ บรรยากาศรอบตัวเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป ได้ผลแล้ว แต่เพราะเธอยังคงไม่ตอบและไม่สนใจฟังสิ่งที่ข้าพูด เลยต้องกระตุ้นหนักๆ

"ข้าเป็นคนทำให้มันอยู่ในสภาพนั้นเองแหละ ฮิฮิฮิ"

และตอนนั้นเองที่ความหวาดกลัวเล่นงานข้าจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ในตอนที่หน้ากากเธอหลุดและหันมามอง ข้าก็ได้เห็นดวงตาสีทองค่อยๆ หม่นแสงลงจนเป็นสีดำสนิท ก่อนจะกลายเป็นสีแดงราวกับโลหิต

ตอนนั้นข้ารับรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ใช่ทั้งอาหารหรือเพื่อนต่างพันธุ์

แต่เป็นศัตรูที่ต้องกำจัดหรือหลีกเลี่ยงหนีให้ห่างเพื่อเอาชีวิตรอด

*****

คาลิก้า เนฮิว

[ความโกรธเลยระดับที่กำหนด ทำการหยุดแจ้งเตือนความโกรธ]

[เป้าหมายถูกเลือกแล้ว]

[สติและความนึกคิดถูกยับยั้ง]

[สัญชาตญาณดิบของเผ่าพันธุ์โอเกอร์ถูกปลุก]

[ทำการปรับสภาพร่างกายบางส่วนให้เข้ากับเผ่าพันธุ์]

[เลเวลสกิลทั้งหมดที่ไม่ได้อัพทำการ + 5]

[ความเสียหาย ขึ้นสู่ระดับ 5]

[เลเวลสกิลทั้งหมดที่อัพแล้วทำการ X 2]

[สมดุลร่างกาย ขึ้นสู่ระดับ 20]

[พละกำลัง ขึ้นสู่ระดับ 10]

[ความทนทานของผิวหนัง ขึ้นสู่ระดับ 16]

[ความคล่องแคล่ว ขึ้นสู่ระดับ 12]

[การฟื้นฟู ขึ้นสู่ระดับ 20]

[คาลิก้า เนฮิว เข้าสู่สถานะ คลั่ง]

More Chapters