Cherreads

Chapter 17 - ตอนที่ 17 ปล่อยวาง

เลร่า กราเซียส นักผจญภัยเจ้าของฉายา ทุ่งน้ำแข็ง

ฉันฝืนทนกับอาการง่วงที่พร้อมจะดึงสติไปทุกเมื่ออย่างยากลำบาก

เพราะใช้เวทใหญ่ไปถึงสองบท คือ ศูนย์สัมบูรณ์ที่หยุดการทำงานทุกอย่างของสิ่งนั้นๆ ราวกับหยุดเวลาไม่ให้เดินหน้าต่อ

กับโลงศพน้ำแข็ง ที่จะปกป้องคุ้มครองผู้ที่อยู่ข้างในไปอีก 100 ปี หรือจนกว่าฉันหรือคนที่ฉันอนุญาตจะเป็นคนยกเลิก

ซึ่งฉันอนุญาตให้คาลิก้ายกเลิกได้ทุกเมื่อ

เมื่อมองโลงศพ ฉันก็ถอนหายใจเรื่องพี่สาวของคาลิก้า

สำหรับสิ่งมีชีวิตหากอยากปลดเวทศูนย์สัมบูรณ์ให้ฟื้นขึ้นมา จำเป็นต้องมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อให้ทนความหนาวจัดของเวทน้ำแข็งได้

ถ้าร่างกายอ่อนแอ ปลดไปเธอก็ตื่นไม่ไหวและจะเสียชีวิตจากการแข็งตายในทันที

ทางรักษาจึงมีสองทางอย่างที่เคยบอกคาลิก้า คือ อีลิกเซอร์ กับ ฮีลเลอร์ [แรงค์ S]

อีลิกเซอร์นั้นหายาก เนื่องจากดันเจี้ยน 100 ชั้น ไม่ได้ปราบกันง่ายๆ มันจึงมีราคาแพงมหาศาล

ด้วยเหตุนี้ราชาส่วนใหญ่เลยเหมาตุนไว้ใช้กันเอง ส่วนนักผจญภัย [แรงค์ S] ที่เป็นคนได้มาก็มักเก็บไว้หรือขายให้แต่ราชาที่ทำสัญญาด้วยเท่านั้น ข้อนี้จึงตัดไปได้เลย

ส่วนฮีลเลอร์ [แรงค์ S] อาณาจักรนี้ไม่มี อาณาจักรที่มี ใกล้สุดก็ต้องเดินทางอย่างน้อยเป็นเดือน

แถมมีเงินก็ใช่ว่าจะไปขอให้ช่วยได้ง่ายๆ

ได้ยินข่าวมาว่าเป็นคนที่มีนิสัยเลวร้าย รักษาตามอารมณ์ ชอบเรียกร้องอย่างไม่สมเหตุสมผลและสนุกกับการได้เหยียบย่ำจิตใจคนที่มาขอร้องให้ช่วย

ราชาก็ปกป้องคุ้มครองอย่างดี คนที่ต้องการรักษาก็มีมาจากทั่วสารทิศ แต่ถ้าไม่มีเส้นสายก็อย่าหวังได้เฉียดเข้าใกล้ประตูราชวัง

อาณาจักรจึงร่ำรวยมาก มีเงินสะพัดจากคนที่แห่กันไปต่อคิวรอความช่วยเหลือ ทั้งค่าที่พัก อาหาร ภาษี แล้วยังพวกต้มตุ๋นหลอกกินเงินว่ามีเส้นสายพอช่วยได้

มีคนเอาเงินไปประเคนให้ถึงที่ รวยจนติดอันดับต้นๆ ของอาณาจักรที่รุ่งเรืองที่สุด

ราชาจึงรักและหวงแหนฮีลเลอร์ [แรงค์ S] คนนั้นมาก ไม่ว่ามันจะทำผิดแค่ไหนก็ไม่เคยโดนลงโทษ

สุดท้ายก็ทำได้แค่ยื้อจนกว่าคาลิก้าจะทำใจปล่อยพี่สาวเธอไปได้เท่านั้น

หลังเดินทางอย่างเร่งรีบฉันก็มาถึงกิลด์สาขาย่อย แต่กลับเข้าไปไม่ได้ เพราะมีกลุ่มคนจาก 3 กิลด์ยืนขวางประตูเข้าออกกิลด์

ส่วนเด็กในกิลด์ก็ยืนประจำตำแหน่งคุมเชิงกันอยู่

ถ้าตอนช่วยคาลิก้า เผลอฆ่าใครไปสักคน ป่านนี้คงตีกันเละแล้ว ฝ่ายนั้นจึงทำได้แค่กดดันหน้าประตูแล้วตะโกนเรียกให้ฉันออกมา

คงคิดว่าฉันเข้ากิลด์แล้วสินะและพอมีคนเห็นรถม้าของฉัน

บีบี อิสทัฟและเอโตส ก็รีบเข้ามาขวางทางฉัน

ฉันจึงเปิดประตูแล้วตะโกนบอกพวกมัน เพราะเวลาของฉันใกล้จะหมดแล้ว

"ฉันยื้อชีวิตพี่สาวของคาลิก้าด้วยเวทศูนย์สัมบูรณ์อยู่ ถ้าพวกแกยังยื้อไม่ให้ฉันได้พักฟื้นพลังเวท ก็เตรียมไปอธิบายกับคาลิก้าเองแล้วกัน"

พวกมันรีบมองเข้ามาในรถ เมื่อไม่เห็นคาลิก้า เห็นแค่ฉันกับโลงศพน้ำแข็ง ถึงจะไม่รู้ว่าข้างในเป็นใคร แต่พวกมันก็รีบสั่งให้คนของตัวเองเปิดเส้นทางและถอยห่างออกจากประตูอย่างเร่งด่วน

รถม้าจึงเดินหน้าต่อได้ แต่พวกมันก็ยังไม่หยุดถาม

"ช่วยบอกทีค่ะคุณเลร่า ใครกัน ที่บังอาจทำร้ายพี่สาวของท่านคาลิก้า"

"มันเป็นใครเลร่า ข้าจะลากมันมากราบขอโทษคาลิก้า แล้วจะทรมานอย่างโหดเหี้ยมที่สุด"

"ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด ท่านคาลิก้าจะใจเสียขนาดไหนกัน เลร่าบอกลักษณะของมันมา"

บีบี อิสทัฟและเอโตสแหกปากแทบจะพร้อมกันจนฉันหนวกหู

"จัดการไปแล้ว"

ฉันที่กำลังจะตัดบทไม่ตอบอะไรอีก ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าถึงจะมีทหารของฉัน แต่ในสลัมมันมีอันตรายที่คาดไม่ถึงอีกเยอะ

งั้นก็ต้องหาเรื่องป่วน ไม่ให้คาลิก้าเป็นจุดสนใจมากเกินไป

"คาลิก้ายังหาน้องสาวไม่พบในสลัม ฉันให้ทหารน้ำแข็งคุ้มครองเธออยู่ เพราะต้องรีบกลับมาฟื้นพลังเวทเพื่อไม่ให้ศูนย์สัมบูรณ์หยุดทำงาน"

เท่านั้นแหละ

"ส่งคนไปรายงานท่านไจเกียเดี๋ยวนี้ ว่าต้องการความช่วยเหลือจากฮีลเลอร์ระดับสูงมาที่กิลด์นี้ ที่เหลือรีบไปช่วยท่านคาลิก้าที่สลัม"

"ไปจ้างฮีลเลอร์ที่ดีที่สุดมาที่นี่ ส่วนเจ้าเอาคำสั่งข้าไป ระดมทาสมาให้หมดแล้วทำการค้นหาแบบปูพรมในสลัม จับเด็กสาวทุกคนที่เจอ จำไว้ว่าห้ามทำรุนแรงเด็ดขาดจนกว่าจะแน่ใจว่าคนไหนคือน้องสาวของภรรยาข้า"

"เราจะเน้นไปที่การคุ้มครองท่านคาลิก้า เพื่อให้ท่านหาน้องสาวได้ทุกจุดในสลัม"

พวกมันสั่งการอย่างฉับไวแล้วจากไปทันที

ทั้งที่รู้ว่าเทียร่าไม่สามารถรักษาได้ด้วยฮีลเลอร์ของพวกมัน แต่คงทำเพื่อให้คาลิก้ารู้สึกซึ้งใจมากกว่า

จะทำอะไรก็เรื่องของพวกมัน แต่เท่านี้คาลิก้าก็ปลอดภัย

เมื่อรถม้าเข้าไปในกิลด์ เด็กในกิลด์ต่างเข้ามาคุ้มครองปกป้องรถม้าฉันอย่างหนาแน่น ต่างคนต่างถามสารทุกข์สุกดิบ แต่ฉันบอกปัดไปว่าเรื่องเร่งด่วน ทุกคนก็รีบเคลียร์เส้นทางให้ในทันที

รถม้ารีบตรงดิ่งไปที่อาคารหลัก ฉันลงจากรถม้าพร้อมกับใช้เวทบังคับให้โลงศพลอยตามมา

เมื่อทุกคนเห็นโลงศพน้ำแข็ง เด็กใหม่อาจจะรู้สึกตื่นเต้นและชื่นชมในพลังของฉัน

แต่กับเด็กเก่าที่ฉันคอยช่วยฝึกฝนต่างทำหน้าเครียด ไม่ก็เศร้าโศกกันออกมา

ฉันเดินไปยังอาคารด้านหลัง ตรงเข้าประตูห้องในสุด

ภายในห้องทำงาน มีแค่ผู้ช่วยสองคน

ทันทีที่เห็นว่าเป็นฉันที่เปิดเข้ามา พวกเขาก็โค้งคำนับอย่างให้เกียรติ

"สวัสดีค่ะท่านเลร่า"

"หัวกิลด์กับรองกิลด์ไม่อยู่เหรอ"

"ไม่ทราบเหมือนกันค่ะท่านเลร่า หนูพึ่งเข้ามาได้ไม่นาน ฟีน่าล่ะรู้ไหม"

คนที่ตอบคือลาสวิน หญิงสาวผิวสีแทน ผมสีดำยาว เธอแต่งตัวมิดชิดเรียบร้อย แต่ทรวดทรงที่อวบอิ่มก็ยังทำให้เธอดูเซ็กซี่ตลอดเวลา

"หัวกิลด์ออกไปทำคำร้องส่วนตัวนอกเมืองค่ะ ส่วนรองกิลด์คงไปฝึกเด็กใหม่ในดันเจี้ยน"

อีกคนที่ตอบคือฟีน่า เธอเป็นหญิงสาวผิวขาว ผมสีครีม ตัวผอมบาง มักแต่งชุดรุ่มร่ามและสวมใส่เครื่องประดับโบราณเต็มไปหมด

"ให้รีบแจ้งรองกิลด์เลยไหมคะ"

ลาสวินเตรียมจะพุ่งออกไป แต่หลังจากเห็นโลงศพน้ำแข็งเธอก็ทำหน้าเครียด

ฟีน่าที่พึ่งสังเกตก็ไม่ต่างกัน

"ฉันคิดดีแล้วล่ะ ไม่ต้องกังวลนะ ฟีน่า ลาสวินช่วยฉันทีสิ ไม่มีเวลาแล้ว"

"ได้แน่นอนค่ะ"

ฟีน่าขานรับแล้วช่วยกันกับลาสวินประคองฉันมานั่งบนโซฟา

จากนั้นฉันก็หลับตาแล้วปล่อยให้ฟีน่าใช้มือแตะหน้าผากพร้อมกับถามคำถาม

"ขอดูค่ะ"

"ยินยอม"

สกิลของเธอสามารถดูภาพความคิดของคนที่ยินยอมได้ ไม่ว่าคนที่ยินยอมนึกถึงสิ่งใด ฟีน่าก็จะเห็นสิ่งนั้นด้วย

ฉันนึกถึงภาพคาลิก้า หน้าตา ลักษณะ ท่าทางและเสียงพูด ก่อนจะหยุดความนึกคิดแล้วลืมตาขึ้นพร้อมกับฟีน่า

ฟีน่าถอนมือออกแล้วมองฉันด้วยความเห็นใจ

"คล้ายกับน้องสาวบุญธรรมของท่านเมื่อก่อน... ใช่มั้ยคะ"

ฉันพยักหน้า ถ้าเธอได้โตมาก็คงจะสวยแบบคาลิก้านี่แหละ

"เพราะงั้นตอนที่ผ่านทางแล้วเห็นแววตาขอความช่วยเหลือของคาลิก้า ฉันจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วยน่ะ"

ฟีน่าเริ่มน้ำตาไหล แล้วส่งมือให้ลาสวินจับ

"ให้ดู"

"ยินยอม"

หลังลาสวินได้รับข้อมูลของคาลิก้า ก็หันมามองฉันอย่างเศร้าหมอง

"อย่าเศร้าสิเด็กโง่"

"ไม่ได้เศร้า... ค่ะ"

"ถ้าคาลิก้ายังหาน้องเธอไม่เจอ ฝากช่วยตามหาแล้วคุ้มครองทั้งคู่กลับมาที่นี่ทีนะ"

"ค่ะ"

ลาสวินตอบด้วยเสียงเศร้าๆ ก่อนพุ่งออกจากบ้านพักไปเพื่อไม่ให้ใครเห็นน้ำตา

"ฮึกๆ ท่านเลร่า"

ส่วนฟีน่าก็ลงมาคุกเข่ากอดฉันแน่นพร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด ตามมาด้วยเด็กคนอื่นที่ทนไม่ไหวพุ่งเข้าห้องมาล้อมรอบตัวฉัน

"ไม่ร้องกันสิเด็กโง่"

ฉันลูบหัวปลอบฟีน่าและบอกกับเด็กทุกคนในกิลด์อย่างเอ็นดู

ฉันโกหกเรื่องพักฟื้นพลังเวทกับคาลิก้าไป เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกผิดที่ว่าเป็นต้นเหตุทำให้ฉันจากไป

ยังแปลกใจกับตัวเองที่ใช้เวทกับคนที่ไม่รอดแน่นอนอย่างไม่เสียดายชีวิต

ถ้าฉันยังสาวการใช้เวทศูนย์สัมบูรณ์ก็ไม่มีปัญหาอะไร แค่พลังเวทหมดจนสลบไปหลายเดือน

แต่พอวัยใกล้ฝั่ง หลังพลังเวทหมดและเพื่อให้เวทสมบูรณ์ มันเลยดึงพลังชีวิตฉันไปใช้แทน

ไหนๆ ก็ทำแล้วเลยใช้พลังชีวิตที่ใกล้หมดสร้างโลงศพน้ำแข็งให้ด้วยเลย อยู่ได้เป็นร้อยปี พอให้คาลิก้าทำใจแล้วเดินหน้าต่อได้สบายๆ

แล้วพอสร้างทหารคุ้มครองคาลิก้าอีก 50 ตัว มันก็เกินขีดจำกัดที่คนแก่อย่างฉันจะทำได้แล้ว

ที่ฝืนมาถึงนี่ได้ก็เรียกว่าปาฏิหาริย์แล้ว รู้สึกได้เลยว่าอวัยต่างๆ ในร่างกายค่อยๆ หยุดทำงานลง

การที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายมันน่ากลัว แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

คงเพราะ ฉันทนเห็นคาลิก้าเศร้าไม่ได้ล่ะมั้ง

แบบนี้เขาเรียกว่าแก่แล้วเลอะเลือนได้ไหมนะ ฮ่าๆๆๆ

"ฉันก็อยู่มานานแล้ว ถึงจะเสียดายที่แก้แค้นไม่สำเร็จ"

ฉันมองมือที่ควรกำแน่นด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงคนที่ฆ่านารินน้องสาวฉัน

"แต่ตอนนี้ รู้สึกว่าฉันสามารถปล่อยวางได้แล้วล่ะ"

พึ่งคิดได้ว่านารินก็คงเศร้าที่เห็นฉันเป็นแบบนี้แน่

ตลอดมาฉันเอาแต่ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึก ฝึกจนไม่สนใจร่างกาย ไม่สนใจการใช้ชีวิต

เพื่อให้ตัวเองเก่งจนกว่าจะฆ่ามันได้ จึงไม่เคยสนใจใคร ไม่เคยแคร์ความรู้สึกใคร ด้านชายันจิตใจ

จนวันนึงก็ได้รับฉายาจากสำนักงานว่า ทุ่งน้ำแข็ง พิจารณาจากสกิลของฉันกับนิสัยใจคอ

แต่พอเจอความจริงว่ามันอยู่สูงส่งเกินกว่าจะลงมือทำร้ายมันได้ ก็ทำเอาเสียศูนย์แทบเป็นบ้า

ต่อให้พลีชีพก็ทำไม่ได้แม้แต่การเข้าถึงตัว

อยู่อย่างคนเสียสติมาหลายปีจนหัวกิลด์ [เวทกังวาน] มาเจอฉัน

หลังทำให้ฉันแพ้ราบคาบ ก็ชักชวนให้ฉันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์

บอกกับฉันว่า สักวันเธออาจจะค้นพบวิธีปล่อยวางก็ได้นะ

ฉันที่ไม่มีที่ไปและคิดว่าไม่มีวันนั้นเลยตกลงเข้ากิลด์เพื่อพิสูจน์ว่าเจ้านั่นพูดผิด

ไม่นานจิตใจที่ด้านชาเป็นน้ำแข็งก็ค่อยๆ เปิดใจให้กับการสอนเด็กรุ่นใหม่ เพราะได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้แบบใหม่ๆ

มีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย ว่าสักวันจะเก่งขึ้นจนสามารถแก้แค้นได้

[แรงค์ A] ที่ค้างอยู่มานานอาจได้เลื่อนเป็น [แรงค์ S]

แต่ยิ่งแก่ก็ยิ่งรู้ตัวว่าหมดโอกาสลงทุกขณะ มันเลยวัยแข็งแกร่งสูงสุดของฉันไปนานแล้ว

ทุกวันนี้เลยได้แต่เอาความโกรธไปลงกับมอนสเตอร์ในดันเจี้ยน คิดภาพในหัวว่าพวกมอนสเตอร์คือเจ้านั่น

แต่ยิ่งทำก็ยิ่งว่างเปล่า ไม่รู้สึกเลยว่าได้รับการเติมเต็ม

คิดมาตลอดว่ามีทางเดียวคือต้องฆ่าเจ้านั่น ฉันถึงจะปล่อยวางและพร้อมไปอยู่กับนารินได้

แต่หลังจากได้ช่วยเด็กสาวที่คล้ายกับนารินคนนั้น มันกลับรู้สึกเติมเต็มช่องว่างในจิตใจ

ลางสังหรณ์มันบอกฉันว่าจะปล่อยเด็กคนนั้นไปกับคนพวกนั้นไม่ได้

ไม่ว่าฝ่ายไหนจะได้ตัวไป คาลิก้าก็คงเป็นแค่เครื่องประดับไว้ข้างกายให้พวกมันได้เสพสุขก็เท่านั้น

คาลิก้าต้องเดินในเส้นทางของตัวเอง ไม่ใช่ถูกใครล่ามโซ่ควบคุม

นี่คือสิ่งที่ฉันอยากให้เกิดกับนารินเมื่อเธอโตขึ้นสินะ

แล้วอยู่ๆ ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างฉับพลัน

ฉันเห็นนารินในรูปลักษณ์กึ่งโปร่งแสงยืนอยู่ข้างกาย เธอกุมมือและยิ้มกว้างให้ฉัน มือที่เย็นเฉียบตั้งแต่วันที่เธอจากไป มันรู้สึกอบอุ่นขึ้น

ฉันยื่นมืออีกข้างที่สั่นเทาไปลูบหัวของเธอพร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความสุข

พี่คิดถึงเธอมาก มากที่สุดในชีวิตเลย นาริน

"ไม่ต้องบอกคาลิก้าเรื่องน้องสาวของฉันนะ ให้เธอเติบโตอย่างที่เธออยากเป็น ทำในสิ่งที่อยากทำ บอกรองกิลด์ด้วยว่าอย่าได้ไปผูกมัดเธอไว้ ค่าชดเชยทั้งหมดจ่ายด้วยทรัพย์สินของฉันแทน"

"ค่ะ หนูรับปากค่ะ ฮือออออออ..."

ฟีน่าและคนอื่นๆ ต่างหลั่งน้ำตากันไม่หยุด

"พวกเด็กโง่ เลิกร้องแล้วส่งฉันด้วยเสียงหัวเราะดีกว่าน่า"

แต่ทุกคนก็ฝืนหัวเราะทั้งน้ำตา

"ดูแลตัวเองกันดีๆ ล่ะ แล้วก็ฝากบอกหัวกิลด์ บอกเขาให้ทีนะว่ากิลด์นี้ เป็นกิลด์ที่ดีจริงๆ แล้วก็ขอบคุณที่ยื่นมือมาช่วยเหลือคนอย่างฉัน"

"ค่ะ... ได้ค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ"

ฉันขำกับการฝืนหัวเราะของเจ้าเด็กโง่พวกนี้จริงๆ ฮ่าๆๆๆ

"ฉันง่วงแล้วล่ะ"

แล้วทุกคนก็ก้มหัวพร้อมกับพูดประสานเสียงส่งฉัน

""""""""""ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ ท่านเลร่า""""""""""

พี่ไปอยู่ด้วยแล้วนะ นาริน

ในวันนั้น เลร่า กราเซียส นักผจญภัย [แรงค์ A] เจ้าของฉายา ทุ่งน้ำแข็ง สังกัดกิลด์ [เวทกังวาน] หนึ่งในกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของกิลด์

ได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

เธอหลับอย่างสงบและแย้มยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

More Chapters