เอลด้า เนฮิว
ใกล้จะเช้ามืดแล้ว แต่พวกเราก็ไม่มีใครนอนหลับกันเลย เพราะพี่คาลิก้ายังไม่กลับมา
เป็นห่วงจัง แต่พี่คาลิก้าอาจจะกำลังกลับมาก็ได้
หลังทำงานกลับมาคงเหนื่อยและหิวมากแน่
การได้กินน้ำต้มเห็ดร้อนๆ ให้ท้องอิ่มสักหน่อยก่อนนอนในฤดูหนาวแบบนี้ ดีกว่านอนทั้งที่ท้องหิวเป็นไหนๆ
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หนูจึงลุกขึ้นไปหยิบถังไม้เก่าๆ ขึ้นมา เพราะตัวถังมีรูรั่วตรงกลาง เราจึงใช้ผ้าขี้ริ้วอุดเอาไว้แก้ขัด
"ระวังตัวด้วยนะ อย่าแบกหนักเกินไปล่ะ"
"ค่ะ หนูไม่ฝืนตัวเองแน่นอน พี่เทียร่านอนสักหน่อยเถอะค่ะ ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวก็ได้เจอพี่คาลิก้าแล้ว"
"พี่ไม่เป็นไร ยังไงก็..." ทำได้แค่นอนอยู่แล้ว แต่เทียร่าไม่กล้าพูดออกมาเพื่อให้เอลด้ารู้สึกไม่ดีจึงกลืนคำพูดสุดท้ายลงคอไป
ก่อนออกจากบ้าน หนูต้องใช้โคลนริมคลองที่พี่คาลิก้าขุดมาเก็บไว้ให้ เอาไปละลายกับน้ำคลองให้มันเหลวอีกครั้ง
ละลายเสร็จก็เอามาทาใบหน้า เส้นผมแล้วก็ร่างกายให้ดูสกปรกและส่งกลิ่นเหม็น ถึงคนในสลัมบางคนจะชินกับกลิ่นพวกนี้ แต่ยังไงมันก็คือโคลนน้ำเน่า พวกเขาจึงไม่อยากแตะอยู่ดี
จากนั้นก็หยิบถังแล้วเดินออกไปท่ามกลางความมืดที่ไร้แสงไฟ มีแค่แสงจันทร์พอให้เห็นพวกบ้านหรือขยะชิ้นใหญ่ๆ
ช่วงเวลาใกล้สว่าง พวกคนเลวที่ออกล่าเหยื่อตอนกลางคืนจะทยอยกันหลับ
ในสลัมเวลานี้จึงปลอดภัยที่สุดก็ว่าได้
แต่ก็ไม่ควรลดการระวังตัว ระหว่างทางหนูจึงพยายามซ่อนและแอบทุกคนที่เห็นเท่าที่ทำได้
ในสลัมการไม่เจอใครดีที่สุด ไม่มีใครไว้ใจได้นอกจากครอบครัวตัวเอง ถึงแม้จะใช้ไม่ได้กับบางครอบครัวก็เถอะ
หนูได้เรียนรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เข้ามาอาศัยสลัมตั้งแต่ช่วงแรกๆ
วันนั้นพี่เทียร่าออกไปทำงานนักผจญภัยตามปกติ
ระหว่างที่พวกเราเดินกลับบ้าน พี่คาลิก้ากับหนูโดนกลุ่มเด็กอันธพาลหลอกว่ามีคนใจบุญมาแจกอาหาร
แต่พวกนั้นกลับพาพวกเราไปซ้อม พี่คาลิก้ารีบกอดตัวหนูไว้แน่นเพื่อไม่ให้โดนทำร้าย
ถึงจะโชคดีที่พี่เทียร่ากลับมาไล่ตะเพิดเด็กพวกนั้นไปได้ แต่พี่คาลิก้าก็บอบช้ำไปทั้งตัวจนลุกขึ้นไม่ได้ตั้ง 3 วัน
หลังจากนั้นพวกเราจึงไม่เชื่อใจใครอีกเลยในสลัม
พอถึงริมคลอง หนูก็ไปที่ตรงที่ตักน้ำประจำ มันเป็นเนินลาดไม่ชันมากขึ้นลงได้สะดวก เหมาะกับเด็กอย่างพวกหนู
หนูจุ่มถังลงไปตักน้ำขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่งั้นมันจะหนักจนเป็นภาระกับร่างกายเกินไป
ตอนที่หันตัวเพื่อจะกลับบ้าน จู่ๆ ก็มีเสียงอะไรสักอย่างพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนสว่างจ้าจนมองเห็นทุกคนที่อยู่ริมคลอง
และพอเตรียมจะวิ่งหนีก็เจอกับกลุ่มคนที่แต่งตัวดูดีไม่เหมือนคนในสลัมยืนอยู่ไม่ไกล
ดูแล้วพวกเขาน่าจะเป็นกลุ่มนักผจญภัย คงมาทำภารกิจอะไรสักอย่างในสลัม
พวกเขาใช้ผ้าปิดปากและมองมาทางหนูด้วยสายตารังเกียจ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แต่เดินอ้อมมาล้อมไว้ทุกทาง
หรือจะดำหนีลงไปในคลองดี แต่ถ้าเผลอกลืนน้ำคลองเข้าไปแม้แต่คำเดียว ได้ตายจริงๆ แน่
แต่จังหวะนั้นผู้ชายที่ดูสุภาพคนนึง ดูจะหัวหน้าของกลุ่มเดินมาคุกเข่าตรงหน้าโดยเว้นระยะห่างประมาณเกือบสองช่วงแขน
"หนูรู้จักบ้านของพี่น้องตระกูลเนฮิวไหม"
เขายิ้มและพูดอย่างเป็นมิตร แตกต่างจากทุกคนที่เคยคุยด้วยกับหนูเลย
หนูจึงยิ้มและตอบกลับไป
"รู้จักดีเลยค่ะ"
*****
เทียร่า เนฮิว
เพราะทำได้แต่นอนรอให้คนอื่นช่วยเหลือ
งานอดิเรกอย่างนึงที่ฉันทำคือนับเวลาตั้งแต่เอลด้าหรือคาลิก้าออกไปทำอะไรสักอย่างจนกลับมาถึงบ้าน
ตามปกติเอลด้าควรกลับมาเติมน้ำใส่หม้อรอบที่ 2 แล้วด้วยซ้ำ
ต้องเกิดอะไรขึ้นกับเธอแน่
ไม่ได้ ฉันเหลือครอบครัวแค่พวกเธอสองคน จะเสียใครไปไม่ได้อีกแล้ว
ขอล่ะ ท่านเทพธิดา ขอให้พวกเธอทั้งสองคนปลอดภัย
ขอให้ภัยร้ายทั้งหมดมาลงที่ฉันแทน ขอร้องล่ะค่ะ
ฉันพลิกตัวแล้วใช้มือข้างเดียวที่เหลืออยู่ตะเกียกตะกายพาตัวเองออกจากบ้าน
ถึงจะกลัวคนแปลกหน้า แต่พวกเธอสองคนสำคัญสำหรับฉันมากกว่า
แต่ยังคลานไม่ได้ถึงไหน ก็มีกลุ่มวัยรุ่นบังเอิญผ่านมาพบเข้า พวกมันคนนึงชี้มาที่ฉันแล้วพูดกับเพื่อนของมัน
จากนั้นทั้งกลุ่มก็เดินเข้ามาพร้อมยิ้มอย่างน่ากลัว
ฉันจึงพยายามคลานหนีกลับบ้าน แต่ก็เร็วไม่พอ จนถูกพวกมันล้อมเอาไว้
"ขะ ขอโทษค่ะ ฉันเป็นแค่คนพิการ หน้าตาก็อุบาทว์ ฉันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะคะ"
ฉันพูดพร้อมกับเงยหน้าเพื่อให้พวกนั้นเห็นใบหน้าที่เละเทะเพราะถูกทำร้าย
"เสียงนี้ใช่เลยว่ะ เจอตัวสักทีนะอีนังบ้า!"
"เอ๊ะ!?"
"จำพวกข้าไม่ได้เหรอวะนังบ้า!"
พูดจบมันก็ยกเท้ากระทืบมือฉันแล้วขยี้บิดไปมา
"โอ๊ย! เจ็บบบบบบบบ!"
"ตอนนั้นทำไว้แสบนักนะ เดี๋ยวจะเอาคืนให้สาสมเลย"
จำได้แล้ว คนพวกนี้คือกลุ่มเด็กอันธพาลที่หลอกคาลิก้ากับเอลด้าไปรุมทำร้าย
"เสียดายว่ะ อยากจัดการมือที่ใช้ดาบฟาดข้าสักหน่อย"
มันพูดพร้อมกับจับมือฉันดึงขึ้นมา
"แต่ช่างเหอะ เอาเลยเพื่อน"
"อย่านะ!"
พรรคพวกของมันง้างท่อนไม้แล้วผลัดกันฟาดใส่แขนฉันเต็มแรง
กร๊อบ!
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!"
"กระทืบมัน!"
คนห้าคนต่างใช้ไม้ หมัด ไม่ก็เท้ารุมกระทืบใส่ฉันทุกส่วน
ความเจ็บปวดเกิดขึ้นทุกที่ ช้ำใน กระดูกหัก เลือดออก
ฉันส่งเสียงแหบพร่าอ้อนวอนขอความเมตตา
"ขอร้อง... หยุดที... หยุดเถอะค่ะ... โอ๊ย... เจ็บบบบ..."
และภาวนาอย่าให้เอลด้ากับคาลิก้ากลับมาตอนนี้
*****
บร๊อฟ หัวโจกกลุ่มวัยรุ่นอันธพาล
"เฮ้ย เสียงเงียบไปแล้วว่ะ"
เพื่อนคนนึงบอกหลังใช้ไม้ฟาดลงไปที่หลังหัวจนเลือดพุ่งออกมา
"ตายแล้วมั้ง"
"สมควรแล้วอีนังบ้า เสือกแส่ไม่เข้าเรื่อง ไป ไปค้นบ้านมัน"
ข้าถ่มน้ำลายใส่มัน ก่อนพาเพื่อนไปรื้อค้นบ้านโกโรโกโสของพวกมันทุกซอกทุกมุม
พวกข้าพังทุกอย่าง อะไรที่เป็นขยะก็โยนทิ้ง
ส่วนหญ้ากับเห็ดก็เก็บไว้แบ่งกันกิน
ประสบการณ์ของพวกเราทำให้รู้ที่ซ่อนของมีค่าของพวกคนในสลัม
ค้นไม่นานพวกเราก็เจอเศษเงินที่มันขุดหลุมฝังซ่อนไว้ใต้ที่นอน
"จนฉิบหาย มีไม่ถึง 10 เหรียญทองแดง"
หลังไม่เจอของมีค่าอื่นอีก ข้ากับเพื่อนเลยพังบ้านแล้วจุดไฟเผาทิ้ง
ยังไงก็กะเล่นพวกมันทุกตัวอยู่แล้ว จะมีบ้านอยู่ไปทำไม
บ้านที่สร้างจากไม้ติดไฟเร็วมาก ไม่นานเปลวไฟก็ลุกโชนท่วมบ้านทั้งหลัง
พวกข้านั่งล้อมพิงไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่นพร้อมกับปิ้งเห็ดแล้วแบ่งกันกินอย่างสบายใจ
รอการกลับมาของน้องสาวมัน
น้องสาวของมันเราจะไม่รีบฆ่า แต่จะจับพวกมันไป
น้องที่ทนมือทนตีนคอยปกป้องน้องเล็กของมัน จะเอามันไปมัดไว้ในฐานลับของพวกเรา แล้วใช้เป็นเป้าฝึกซ้อมอาวุธ
ขยะอย่างพวกมันอยู่ไปก็รกสลัม สู้เอามาใช้ประโยชน์ให้พวกเราเก่งจนแรงค์เลื่อนขั้นดีกว่าเยอะ
พอขึ้น [แรงค์ D] ได้ ค่อยไปลงดันเจี้ยน
ส่วนน้องเล็กของพวกมัน ถ้าจับล้างหน้าแล้วหน้าตาใช้ได้ ค่อยเอามันไปขายให้ซ่อง ไม่ก็กิลด์ [โซ่อัคคี] เป็นทุนซื้ออุปกรณ์
ระหว่างนั่งรอเบื่อๆ เพื่อนข้าก็หาเรื่องคุย
"แล้วเอาไงกับศพมันดี"
ข้าหันไปมองศพของนังบ้าแล้วหันไปมองเพื่อนคนอื่น
"ทิ้งไว้นั่นแหละ เดี๋ยวน้องมันก็มาเก็บ"
"ลืมแล้วเหรอวะว่าพวกเราจะจัดการน้องมันด้วย"
"เออว่ะ ลืม ฮ่าๆๆๆๆ"
"ลากไปทิ้งในคลองดีมั้ย"
"ไกลเกิน แล้วใครจะลากวะ"
"ข้าไม่ช่วยลากนะเว้ย ตัวมันเหม็นยังกับขี้"
ข้าจึงลุกขึ้นไปจิกหัวลากมันมาที่กองไฟ
"เผาทิ้งไปละกัน"
"เออก็ดี ไฟจะได้อยู่นานหน่อย"
"เห็นด้วยยยย"
"ก็ดีกว่าลากไปคลองแหละ"
มติเอกฉันท์ ซึ่งจังหวะที่กำลังลากผ่านกลุ่มเพื่อน เพื่อนคนนึงก็โพล่งขึ้นมา
"เฮ้ย!? มันยังไม่ตายนี่หว่า"
ข้าก้มลงมองหน้ามัน พอเห็นปากขมุบขมิบจึงได้รู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่
ข้าจึงเอานิ้วปิดจมูกตัวเองแล้วก้มลงไปฟัง
"ฮ่าๆๆๆ มันพูดขอโทษพวกเราด้วยว่ะ"
ทุกคนจึงหัวเราะกันยกใหญ่
ข้าตบหน้านังบ้าเรียกสติไปสองสามที
"ไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่ให้อภัยว่ะ"
พูดจบข้าก็เตะมันเข้าไปในกองไฟ แล้วนั่งลงดูมันดิ้นทุรนทุรายส่งเสียงกรีดร้องในกองไฟกับพรรคพวก
โดยมีคนที่อาศัยใกล้เคียงบ้านของมัน มาขอร่วมวงพิงกองไฟดูมันตายด้วยกันอย่างเฉยเมย